ฝ่ายกบฏซีเรียสามารถทำลายการปิดล้อมเมืองอาเลปโปของฝ่ายรัฐบาลได้แล้วเมื่อวันเสาร์ (6 ส.ค) ซึ่งนับเป็นการรุกคืบที่มีนัยสำคัญ แต่ก็ยังตกอยู่ภายใต้การโจมตีทางอากาศจากฝ่ายรัฐบาลเมื่อวันอาทิตย์ (7 ส.ค) ในความพยายามหยุดยั้งการรุกคืบ ซึ่งชัยชนะดังกล่าวของฝ่ายกบฏได้ตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงของฝ่ายรัฐบาล
พันธมิตรกบฏประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะยึดคืนพื้นที่ทั้งหมดของเมืองอาเลปโปจากฝ่ายรัฐบาล โดยกลุ่มที่เรียกว่า “กองทัพผู้พิชิต” (Army of Conquest) พันธมิตรฝ่ายกบฏ ซึ่งรวมถึงอดีตกลุ่มอัลนุสรา ฟรอนต์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “กลุ่มจะเพิ่มนักรบเข้ามาเป็นจำนวนถึงสองเท่าในการสู้รบครั้งถัดไป…เราจะไม่หยุดจนกว่าเราจะได้โบกสะบัดธงของกลุ่มเหนือป้อมปราการแห่งเมืองอาเลปโป”
กลุ่มกบฏสามารถยึดพื้นที่ทางการทหารของฝ่ายรัฐบาลทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอาเลปโปหลังการสู้รบอย่างหนักเมื่อวันศุกร์เพื่อทำลายการปิดล้อมที่มีมานานร่วมเดือน โดยตอนนี้ได้รุกโจมตีเข้าไปในพื้นที่ของฝ่ายรัฐบาล
การรุกคืบอย่างน่าอัศจรรย์ในเขตรามุสซา (Ramussa) ส่งผลให้นักรบฝ่ายกบฏในพื้นที่ทางภาคตะวันตกสามารถตัดผ่านดินแดนในการควบคุมของฝ่ายรัฐบาลในวันเสาร์ และสามารถเชื่อมกับนักรบที่อยู่ในเขตทางตะวันออกของเมืองอาเลปโป
Current overview of the situation in #Aleppo after Rebels managed to create a ~2.5 km wide corridor, breaking siege. pic.twitter.com/FHAjv5iHrs
— Qalaat Al Mudiq (@QalaatAlMudiq) August 7, 2016
“แต่การต่อสู้ก็ยังหนักหน่วงโดยฝ่ายรัสเซียและรัฐบาลซีเรียได้ถล่มทางอากาศในพื้นที่รามุสซาและบริเวณโดยรอบ ซึ่งหมายความว่าทางทิศตะวันออกของเมืองอาเลปโปที่ถูกปิดล้อมนั้นไม่มีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนแล้ว” นักกิจกรรมและกลุ่มนักสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) ระบุ
ประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด แห่งซีเรีย ต้องการควบคุมเมืองอาเลปโปอย่างเต็มรูปแบบ ก่อนเปิดฉากโจมตีเพื่อยึดคืนเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในซีเรีย ซึ่งขณะนี้ส่วนหนึ่งถูกควบคุมโดยฝ่ายกบฎและอีกส่วนโดยฝ่ายรัฐบาล
กองกำลังรัฐบาลของอัสซาดได้รับการสนับสนุนโดยกองทัพอากาศรัสเซีย กองกำลังอิหร่าน และนักรบฮิซบุลเลาะห์จากเลบานอน
การรุกคืบของฝ่ายกบฏในสัปดาห์นี้อาจส่งผลต่อสมดุลแห่งอำนาจในอาเลปโป โดยก่อนหน้านี้อัสซาดบอกว่า การปิดล้อมของทหารรัฐบาลและฝ่ายพันธมิตรที่มีต่อฝ่ายกบฏที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนั้นเป็นการเตรียมการเพื่อยึดคืนเมืองแห่งนี้ ซึ่งหากสูญเสียเมืองอาเลปโปก็จะส่งผลต่อความเข้มแข็งของฝ่ายกบฏ
“ขณะนี้เราได้ควบคุมเขตรามุสซาอย่างเต็มรูปแบบแล้ว เราอยู่ในสนามเพลาะของเรา แต่พวกเขากำลังโจมตีทางอากาศอย่างบ้าคลั่งเป็นประวัติการณ์ รัฐบาลใช้ทั้งระเบิดดาวกระจาย (cluster bombs) และระเบิดสุญญากาศ (vacuum bombs)” อาบู อัลหะซานัยน์ กล่าว เขาเป็นผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่มผู้พิชิตอาเลปโป (Fateh Halab) พันธมิตรของกลุ่มกบฏสายกลาง (moderate rebel groups) ที่ปฏิบัติการอยู่ในเมือง
Syria's government is battering the rebels who broke the Aleppo siege https://t.co/HBz2AISzvL pic.twitter.com/PZ8RAFChTD
— Newsweek (@Newsweek) August 7, 2016
ช่องทีวีซึ่งสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลส่วนใหญ่เล่นข่าวการรุกคืบของฝ่ายกบฏครั้งนี้ และบอกว่ากองทัพซีเรียกำลังพยายามขับไล่ฝ่ายกบฏซีเรียออกจากพื้นที่บางส่วนซึ่งพวกเขาเพิ่งมีชัยนี้
แต่ช่องทีวี “อัลมายาดีน” ของเลบานอนซึ่งสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย รายงานเมื่อวันเสาร์ว่า กองทัพซีเรียได้ถอนตัวจากจากตำแหน่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาเลปโปแล้ว และได้ตั้งแนวป้องกันใหม่ขึ้นมา
สื่อทางการปฏิเสธข่าวแนวปิดล้อมได้ถูกทำลายลง แต่ยอมรับโดยนัยว่า กองทัพรัฐบาลกำลังป้องกันเหตุดังกล่าว โดยรายงานระบุว่า การโจมตีทางอากาศระลอกใหม่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และบอกว่าพื้นที่ของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลกำลังเผชิญความขาดแคลนเสบียง
ทีวีของรัฐ ระบุเมื่อวันอาทิตย์ว่า “กองทัพของเราได้โยกย้ายกำลังพลหลังถูกโจมตีจากทหารรับจ้างหลายพันคน และทหารพบเส้นทางใหม่ในการลำเลียงอาหารและแก๊ส”
สำนักข่าวซานา (SANA) ของทางการรายงานอ้างแหล่งข่าวทางทหารที่บอกว่า “กองทัพอากาศได้ปฏิบัติการ 21 เที่ยว และโจมตีผู้ก่อการร้าย 86 ครั้ง ทางทิศใต้และทิศตะวันตกของอาเลปโปในช่วง 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา”
กองกำลังฝ่ายกบฏสามารถยึดที่ทำการทางทหารของรัฐบาลในเขตรามุสซา ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวมีวิทยาลัยทางการทหารรวมอยู่ด้วย พวกเขาได้แพร่ภาพอาวุธและกระสุนซึ่งยึดได้จากสถานที่ดังกล่าว
ยับฮัต ฟาตะห์ อัชชาม หรืออดีตอัลนุสราห์ ฟรอนต์ เครือข่ายของอัลกออิดะห์ ได้โพสต์ภาพรถหุ้มเกราะ ยุทโธปกรณ์ทางทหาร ปืนครก จรวด และรถบรรทุก
แนวหน้าของฝ่ายกบฏในขณะนี้อยู่ในการรุกคืบทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่เขตควบคุมของรัฐบาลในเมองอาเลปโป ทางชานเมืองฮัมดานียา (Hamdaniya) และเขตหมู่บ้านจัดสรรที่เรียกว่า “โครงการ 3,000” ฝ่ายกบฏและกลุ่มสังเกตการณ์ฯ ระบุ
ทางทิศเหนือของฮัมดานียาทิศเดียวกับที่ฝ่ายกบฏกำลังรุกตอนนี้เป็นที่ทำการทางทหารของรัฐบาลอีกแห่งหนึ่ง โดยเป็นที่ตั้งของสถาบันวิศวกรรมทางการทหารอัสซาด (Assad military engineering academy)
ฝ่ายพันธมิตรต่อต้านแห่งชาติซีเรีย (opposition Syrian National Coalition) ได้ออกมาแสดงความยินดีกับฝ่ายกบฏที่สามารถสร้าง “ชัยชนะอันงดงาม ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนถึงระบอบอัสซาด อิหร่าน และรัสเซีย ว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะเอาชนะประชาชนซีเรียหรือตั้งเงื่อนไขใดได้”
ความกังวลเกิดขึ้นในดินแดนควบคุมของรัฐบาลทางตะวันตกของอาเลปโปว่าอาจถูกล้อมจากกลุ่มกบฏ เหมือนที่เกิดขึ้นกับทหารรัฐบาลในฝั่งตะวันตก เพราะเส้นทางหลักทางใต้ไปยังดามัสกัสสำหรับขนส่งเสบียง คือถนนรามุสซาถูกตัดขาดแล้ว
ข่าวการรุกคืบของฝ่ายกบฏส่งผลให้ราคาอาหารเพิ่มขึ้น สูงสุดถึง 4 รอบ กลุ่มสังเกตการณ์ฯ ระบุ
จากการที่ถนนสายหลักรามุสซาถูกตัดขาด ผู้อำนวยการกลุ่มสังเกตการณ์ฯ “รามี อับดุรเราะห์มาน” บอกกับรอยเตอร์ว่า รถทหารยังสามารถเข้าออกทางตะวันตกของเมืองอาเลปโปได้โดยการใช้เส้นทางที่เหลือทางเหนือ แต่ถนนเส้นดังกล่าวไม่ปลอดภัยสำหรับพลเรือน
ทางตะวันออกของอาเลปโปนั้นแม้จะมีภาพของการเฉลิมฉลองที่นักรบสามารถทำลายแนวล้อมได้เมื่อวานนี้ แต่ก็ยังไม่มีเส้นทางออกที่ปลอดภัยสำหรับพลเรือนแต่อย่างใด
รถกระบะขนผัก 3 คันข้ามเข้าไปทางทิศตะวันออกอาเลปโป และอับดุรเราะห์มาน กล่าวว่า แต่นี่เป็นนัยสัญญาณว่าเส้นทางนี้อันตรายเกินไปสำหรับพลเรือนที่จะผ่าน
After 30 days of Siege, East #Aleppo gets first aid convoy, not from UN, but nearby rebels. Via @nadamant pic.twitter.com/2gnSiJr5hj
— Joyce Karam (@Joyce_Karam) August 7, 2016
สหประชาชาติและหน่วยงานด้านมนุษยธรรมกล่าวว่า พื้นที่ยึดครองของฝ่ายกบฏนอกเมืองอาเลปโปทางตะวันออก ได้กลายเป็นพื้นที่น่ากังวลอย่างมาก
“ส่วนใหญ่ ผมได้ยินว่า ตลาดปิดทำการ ใกล้ที่จะซื้อหาอาหารไม่ได้ ยูเอ็นประมาณการว่า ความช่วยเหลือต่างๆ ทางตะวันออกของอาเลปโปสามารถยึดระยะไปได้เต็มที่ราว 2 สัปดาห์กว่าๆ เท่านั้น” คริสตี้ เดลาฟิลด์ เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายการสื่อสารของเมอร์ซี่ คอร์ป (Mercy Corps) ซึ่งเป็นหน่วยงานไม่ใช่ภาครัฐที่ดำเนินการให้ความช่วยเหลือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศซีเรียกล่าวกับรอยเตอร์
“การให้ความช่วยเหลืออันตรายมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา และใช้เวลามากขึ้นกว่าจะได้สิ่งของชุดใหม่มา สถานการณ์เลวร้ายลง” คริสตี้ กล่าว
สงครามการเมืองหลายพื้นที่ในประเทศซีเรียปะทุขึ้นตั้งแต่ปี 2011 ทำให้ดินแดนแห่งนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดในโลก และดึงดูนักรบอิสลามิสต์ทั่วมุมโลกให้มายังพื้นที่แห่งนี้
แปล/เรียบเรียงจาก http://www.middleeasteye.net