
วานนี้ (10 ส.ค) มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และประสบปัญหาทางเดินหายใจจำนวนมากจากก๊าซที่เชื่อว่าจะเป็น “คลอรีน” ในย่านเมืองอาเลปโป ซีเรีย รอยเตอร์รายงานอ้างโรงพยาบาลและกลุ่มพลเรือนป้องกันภัย
ฮัมซะห์ คาตีบ ผู้จัดการโรงพยาบาลอัลกุดส์ในอาเลปโป บอกกับช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า มีผู้ป่วย 4 รายเสียชีวิตจากพิษก๊าซ และอีก 55 รายได้รับบาดเจ็บ โดย 7 คนยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ด้านกลุ่มป้องกันภัยพลเรือน (Syria Civil Defence) อาสาสมัครกู้ภัยชาวซีเรียที่ปฏิบัติงานในเขตควบคุมของกบฏ บอกกับรอยเตอร์ว่า มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 22 ราย หลังถังบรรจุก๊าซซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็นคลอรีนถูกโยนลงในย่านซุบดียา (Zubdiya) เขตยึดครองของฝ่ายกบฏในอาเลปโป
กลุ่มบอกว่าไม่สามารถเตรวจสอบได้อย่างอิสระว่าเป็นก๊าซชนิดใด
ส่วนกลุ่มสังเกตการณ์ซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน (The Syrian Observatory for Human Rights) กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์โยนถังระเบิดในย่านเซฟ อัดเดาละห์ (Seif al Dawla) และซุบดียา (Zubdiya) ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งและลูกของเธอเพราะหายใจไม่ออก
ทางตอนเหนือของอาเลปโป ประเทศซีเรีย นับเป็นเขตที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดก่อนจะถูกสงครามแบ่งออกเป็นเขตกบฏและเขตรัฐบาล
ทั้งรัฐบาลและกองกำลังฝ่ายต่อต้านต่างปฏิเสธการใช้อาวุธเคมีตลอดระยะเวลาที่เกิดความขัดแย้งในซีเรีย มหาอำนาจตะวันตกกล่าวหาว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อการโจมตีด้วยคลอรีนและสารเคมีอื่นๆ ขณะที่รัฐบาลและรัสเซียก็กล่าวหาว่าฝ่ายกบฏเป็นผู้ใช้ก๊าซพิษ
นักวิจัยสหประชาชาติระบุว่ามีการใช้ก๊าซซารินในภาคตะวันออกของโกตาห์ (Ghouta) ในปี 2013 สหรัฐอเมริกากล่าวหาว่าดามัสกัสเป็นผู้โจมตี ซึ่งได้สังหารประชาชน 1,429 คน รวมทั้งเด็กอย่างน้อย 426 คน ดามัสกัสปฏิเสธความรับผิดชอบและกล่าวหาว่าเป็นฝีมือพวกกบฏ
หลังจากปีนั้นสหประชาชาติและรัฐบาลซีเรียตกลงที่จะทำลายคลังอาวุธเคมีของรัฐบาล กระบวนการเสร็จสมบูรณ์ในเดือนมกราคม 2016