หล่มสงครามของ “ซาอุดิอาระเบีย” ในเยเมน

ชายเยเมนคนหนึ่งนั่งอยู่บนซากปรักหักพังระหว่างการค้นหาผู้รอดชีวิตในบ้านที่ถูกทำลายโดยการโจมตีทางอากาศ (เอเอฟพี / แฟ้ม)

อาชญากรรมสงคราม (อังกฤษ: war crime) คือ การละเมิดฝ่าฝืนจารีตประเพณีหรือกฎในการยุทธ ซึ่งการกำหนดเป้าหมายทางสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นสิ่งที่ตะวันตกควรรับผิดชอบในการก่ออาชญากรสงคราม รวมถึงการกำหนดเป้าที่เป็นพลเรือนในเยเมนโดยกองกำลังของซาอุดีอาระเบียที่ได้รับการสนับสนุนอาวุธจากชาติมหาอำนาจ

รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงไม่พอใจเกี่ยวกับนโยบายทางการทหารของรัสเซียในการปลดปล่อยเมืองอเลปโป ทางภาคเหนือในซีเรีย คำว่าอาชญากรรมสงครามคงเหมือนคำกล่าวหาที่ไม่มีน้ำหนัก การที่เดโมแครตได้รับการสนับสนุนที่มาจากภายในรัฐบาลของโอบามา ไม่ว่าเป็นฝ่ายไหนคงเป็นสิ่งที่คู่ควร แต่ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะยึดเมืองอาเลปโปคืนจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาล  คำเชิญของรัฐบาลบาชาร์ต่อการปฏิบัติการทางอากาศของรัสเซียเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงการที่ดามัสกัสเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดเป้าหมายของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล อย่างนุสราต์ (Nusra) และดาอิช (Daesh/Isis) องค์กรเหล่านี้ถูกกำหนดเป็นองค์กรก่อการร้าย  มันคงเป็นหน้าที่ของความรักชาติของซีเรียเกี่ยวกับการจัดการกับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามาคุกคาม

ในขณะที่โอบามาที่กำลังบริหารประเทศและการสนับสนุนของสื่อตะวันตกที่เงียบสนิทกี่ยวกับการสังหารหมู่พลเรือนผู้บริสุทธิ์ในเยเมนมานานกว่าหนึ่งปี และครึ่งหนึ่งมาจากการปฏิบัติการของซาอุดีอาระเบีย  การปฏิบัติการทางทหารกับประเทศที่ยากจนที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2015 และได้นำพาประเทศเยเมนไปสู่ความยากลำบาก การตายและสูญเสียชีวิตมากกว่า 10,000 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน โดยปฏิบัติการเหล่านี้ของซาอุฯ ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสหรัฐฯ ถึงขั้นเต็มรูปแบบทั้งทางการทหารและพันธมิตร รวมถึงสหราชอาณาจักร ซึ่งหลังจากโอบามาบริหารประเทศ สหรัฐฯ มียอดขายแล้วมูลค่ากว่า 1,100 ล้านเหรียญ นับตั้งแต่ปี 2008 ที่มีการขายอาวุธจำนวนมหาศาลให้ซาอุดีอาระเบียเพื่อปฏิบัติการโจมตีในปี 2015 และที่ผ่านมาสหราชอาณาจักรก็มียอดขายการค้าอาวุธกับซาอุดีอาระเบียสูงถึง 600 ล้านเหรียญ อันทำให้ซาอุฯ อยู่ในอ้อมแขนของทั้งสองมหาอำนาจ ซึ่งนับว่าเป็นกลเม็ดทางการตลาดที่มีความซับซ้อนของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียที่นำมาใช้กับเยเมน

ทว่า การโจมตีทางการทหารที่นำโดยซาอุดีอาระเบียต่อกองกำลังเฮาซี กลับเป็นการต่อสู้ที่จบลงที่ปากเหวของซาอุดีอาระเบีย และกลายเป็นความพ่ายแพ้ เพราะผู้ตกเป็นเป้าหมายโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงมักเป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์ เช่นการโจมตีเป้าหมายที่เป็นโรงเรียน  สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์จากนักเคลื่อนไหว ด้านสิทธิมนุษยชน พื้นที่ที่เป็นพลเรือนการได้รับคำแนะนำทางการทหารจาก สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร  โดยกำหนดเลือกให้เป็นเป้าทางการทหาร การสนับสนุนในการเติมน้ำมันทางอากาศจากสหรัฐฯ ของเครื่องบินขับไล่ของซาอุดีอาระเบีย   สิ่งที่เห็นคือ ซาอุดีอาระเบียยังไม่สามารถทำสงครามด้วยตนเองโดยปราศจากการสนับสนุนของสหรัฐฯ

การโจมตีที่ผิดพลาดของซาอุดีอาระเบีย

สิ่งที่เป็นการกระทำที่โหดร้ายของการปฏิบัติการทางทหาร เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่กองทัพอากาศซาอุฯ กำหนดเป้าหมายเป็นสถานที่ที่ใช้จัดงานแต่งงาน และกิจกรรมทางสังคม มีผู้เสียชีวิตมากถึง 170 คน บาดเจ็บนับพันคน  ภายหลังการโจมตี กองทัพอากาศซาอุดีอาระเบียออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนร่วมในการโจมตี ถือว่าความผิดผลาดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เป็นการสร้างความโหดร้ายกับผู้บริสุทธิ์ ภายหลังเหตุการณ์โจมตี ซาอุดีอาระเบียให้การสนับสนุนทางการเงินกับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการโจมตีเป็นชนชั้นสูงของรัฐบาลและผู้มีอิทธิพลของชนเผ่าของประเทศทางภาคเหนือของเยเมน และผู้เสียชีวิตหลายคนมีบทบาทในการเจรจาสันติภาพ หลังเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้กลุ่มคนที่เป็นกลางหลายกลุ่มเปลี่ยนท่าทีให้การสนับสนุนเฮาซี ส่วนกองทัพที่ยังภักดีกับซาเลห์ก็มีการเรียกร้องให้เปิดสงครามเต็มรูปแบบ เพราะเจรจาเพื่อสันติภาพนับวันยิ่งจะลำบากมากขึ้นและเป็นไปได้ยากมาก

เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ โอบามาบอกว่า ต้องการให้เหตุการณ์ในเยเมนจบลง  ก็ควรให้มีการตรวจสอบอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการทหารและการทำสงครามของซาอุดีอาระเบีย  การโจมตีอันมาจากปลอกกระสุนของสหรัฐฯในเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเหตุให้ฝ่ายบริหารของโอบามามีความกังวลมากต่อนโยบายของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง  เพราะการโจมตีทางอากาศของซาอุดีอาระเบียจะเป็นการเพิ่มปริมาณศพผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้บริสุทธิ์ สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังปฏิบัติคือการปรับนโยบายให้สอดคล้อง แต่ในสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม ทั้งสหรัฐฯ และซาอุฯ ก็กำลังเข้าสู่หล่มสงครามของเยเมนมากขึ้นเรื่อยๆ ขีปนาวุธกำหนดเป้าหมายที่ติดตั้งเรด้าอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังเฮาซี…

การปฏิบัติการทางทหารที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และการเผชิญหน้าแบบไม่เป็นทางการของกองกำลังเฮาซี ประสบการณ์การรบที่เฉียบคมและมีความชำนาญในพื้นที่  แต่ในเวลาที่เรือรบ เรือพิฆาตของสหรัฐฯ ยังคงอยู่รอบๆ อ่าวเยเมน ตัดการสนับสนุนทุกวิถีทางในยุทธวิธีครั้งนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น รัฐบาลสหรัฐฯ ปกป้องพันธมิตรของตนเองเพื่อประโยชน์ของชาติ แต่อเมริกันโจมตีทหารเยเมนการกำหนดเป้าหมายเป็นไปอย่างชัดเจน สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นใครเป็นผู้รับผิดชอบขีปนาวุธที่ยิงจากชายฝั่งทะเลของเยเมนหากไม่ใช่เรือรบของสหรัฐฯ

ชาวเยเมนโกรธแค้นสหรัฐฯ ต่อการปฏิบัติการ

การช่วยเหลือให้การสนับสนุนซาอุดิอาระเบียของสหรัฐอเมริกาตามที่สหประชาชาติที่เป็นข้าหลวงใหญ่หรือเหล่าบรรดานักสิทธิมนุษยชนเปิดเผยข้อมูลนั้นทำให้พลเรือนชาวเยเมนเสียชีวิตไม่เว้นแต่ละวัน ในจำนวนนี้ชาวเยเมน 28,000,000 คนถูกบังคับให้ต้องหนีออกนอกประเทศเพราะภัยสงคราม และอีกจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือ ร้อยละหกสิบมีความต้องการทางด้านอาหาร การปฏิบัติการของสหประชาชาติควรจะมีมาตรการที่ดีกว่าเดิม แต่ที่ผ่านมากองกำลังเฮาซีได้โชว์บทเรียนให้กับกองทัพของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประจักษ์  การสู้รบในระยะเวลานานยิ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค สถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ของทุกพื้นที่การสู้รบ

“ในเวลาที่รัฐสภาของสหรัฐฯ ได้เขียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จอห์น เคอร์รี่ กับความวิตกกังวลในสงครามภูมิภาคตะวันออกกลาง รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องมีการจำกัดหรือตกเป็นอาชญากรรมสงครามในเยเมน เพราะการสนับสนุนของสหรัฐฯ นั้นผิดศีลธรรมและผิดกฎหมายการทำสงคราม เหตุที่เกิดขึ้นในเยเมนควบคู่ไปกับการกำหนดเป้าหมายที่เจตนาไปยังพลเรือนจะพัวพันถึงรัฐบาลวอชิงตัน ทั้งซาอุดีอาระเบียและพันธมิตร ต่างมีเป้าหมายในการโจมตีพลเรือนซึ่งเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ การโจมตีควรเป็นเป้าหมายทางการทหารมากกว่า” Ted Lieu สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ กล่าว

ข้อมูลการรายงานของสำนักข่าว รอยเตอร์ ได้เผยถึงการกำหนดนโยบายของสหรัฐฯ ว่ามีความตระหนักต่อพฤติกรรมของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้วิตกกังวลความสามารถของรัฐบาลซาอุฯ กับนโยบายทางการทหารของเฮาซี  การทำสงครามโดยที่ไม่ต้องฆ่าพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งจำเป็นที่จะใช้สำหรับการกู้คืนเยเมน เพราะการบาดเจ็บล้มตายมีมากขึ้น การบริหารงานทางการทหารที่หาข้อสรุปไม่ได้ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการสนับสนุนทางทหารให้ซาอุดีอาระเบียอย่างเต็มรูปแบบเพราะเป็นเหมือนข้อสรุปอย่างชัดเจน  แต่ด้วยความเป็นมหาอำนาจที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องมองถึง อำนาจตุลาการใด สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นบริบทต่อการใช้อำนาจตัดสินถึงการก่ออาชญากรรมสงครามของสหรัฐฯ แต่อย่างใด

 

อ้างอิง : Indian Magazine