เป็นไปได้อย่างไรที่ชายสก็อตวัยกลางคน เป็นคนขาวที่อาศัยอยู่ในที่ราบสูงของสก็อตแลนด์จะเปลี่ยนมาเป็นมุสลิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในชีวิตเขาไม่เคยได้พบเจอกับชาวมุสลิมคนใดมาก่อนเลย?
สำหรับผม ทั้งหมดเริ่มต้นเมื่อผมได้ยินเสียงเชิญชวนให้ละหมาด (อาซาน) จากมัสยิดในชุมชนท้องถิ่นที่ชายหาดแห่งหนึ่งในช่วงไปท่องเที่ยวยังประเทศตุรกี ซึ่งมันได้กระตุ้นบางสิ่งบางอย่างภายในตัวผม และเป็นแรงบันดาลใจที่จะเริ่มต้นการแสวงหาทางจิตวิญญาณ
เมื่อกลับไปยังบ้านในเมืองอินเวอร์เนส ผมได้ไปยังร้านหนังสือในท้องถิ่น ซื้อคัมภีร์อัลกุรอานและเริ่มอ่าน ขณะที่อ่านผมมักจะวอนขอพระเจ้าเพื่อให้ทรงชีนำผมในการเดินทางไปยังหนทางที่กำหนดไว้
ผมใช้เวลาจำนวนมากในการสวดอ้อนวอน
คัมภีร์อัลกุรอานสร้างความอัศจรรย์แก่ผมอย่างมาก มันเป็นหนังสือที่น่ากลัวสำหรับที่จะอ่านเลยทีเดียว เพราะมันจะบอกเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับตัวตนของคุณ มีบางสิ่งที่ผมพบเกี่ยวกับตัวของผมที่ผมรู้สึกไม่ชอบใจ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะทำการเปลี่ยนแปลงตัวเองบางอย่าง
ผมรู้ว่าผมสามารถหยุดการอ่านอัลกุรอาน และหยุดยั้งกระบวนการนี้ในเวลาใดก็ได้ แต่ผมก็รู้เช่นกันว่านั่นหมายถึงการทอดทิ้งบางอย่างที่มีความสำคัญอย่างมาก
และผมก็รู้ว่า ในท้ายที่สุดผลของกระบวนการนี้ก็จะทำให้ “ผมเป็นมุสลิม”
อย่างไรก็ตาม ผมยังคงอ่านต่อไป ผมอ่านมัน 3 รอบ มองหาจุดผิดพลาด แต่ก็ไม่พบ ผมรู้สึกสบายใจมากเลยทีเดียว
ส่วนที่ยากในทั้งหมดนี้คือการที่ผมกลายเป็นอย่างไรต่อไป ผมจะกลายเป็นตัวประหลาด แต่งกายที่แตกต่าง, พูดแตกต่างกันในสายตาของคนอื่นหรือไม่?
ครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงานจะคิดกับผมอย่างไร?
สิ่งสำคัญที่สุด คือ สิ่งที่ผมจะคิดเกี่ยวกับตัวเอง? ผมต้องการบุคคลที่ผมกำลังจะเป็นหรือไม่?
ผมใช้เวลาในการค้นหาทางออนไลน์เพื่อมองหาเรื่องราวของคนที่เคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้ แต่ไม่มีกรณีไหนที่ดูเหมือนของผม – แน่นอนว่าการเดินทางของแต่ละคนมีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมันเป็นเรื่องดีที่ได้รับรู้ ว่าอย่างไรก็ตามคนอื่นๆ ก็ได้ไปลงเส้นทางเดียวกันนี้เหมือนคุณ – ผมคิดให้ง่ายแบบนี้ แล้วก็เลิกหาข้อมูลเหล่านั้นเมื่อรู้สึกกลัวว่าตัวเองจะเป็นเหมือนลูกกอล์ฟที่กลิ้งไปมาบนสนามกว้าง
โลกออนไลน์เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่จะหาวิธีที่จะละหมาดในภาษาอาหรับ เพื่อฟังการอ่านคัมภีร์กุรอ่านที่อ่านออกมาดังๆ หรือบางทีอาจจะฟังเพลงอิสลามบ้าง สำหรับผมเพลงเป็นวิธีที่ดีในการหยิบบางกลุ่มคำที่ผมอยากจะเริ่มต้นใช้
แต่ที่สำคัญในทั้งหมดนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมถามทุกๆ อย่าง – ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในศาสนา- คุณจงถามตัวเอง คุณจงถามในสิ่งที่คุณได้ยินและในสิ่งที่คุณอ่าน
ถ้ามีบางสิ่งที่คุณรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง นั่นเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่ามันไม่ใช่สำหรับคุณ คุณต้องฟังอย่างตั้งใจพิถีพิถันต่อสัญชาตญาณและหัวใจของคุณ
ผมใช้เวลาในกระบวนการนี้ประมาณ 18 เดือน บางคนใช้เวลาน้อยกว่าบางคนมากกว่า และผมก็ทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองโดยไม่มีใครช่วย ผมยังไม่เคยพบชาวมุสลิมคนใดเลย
หลังจาก 18 เดือนนั้น ผมถือว่าตัวเองเป็นมุสลิม ผมละหมาดวันละ 5 ครั้ง ถือศีลอดในเดือนรอมฎอนการรับประทานอาหารและดื่มแต่สิ่งที่พิจารณาแล้วว่าได้รับการยอมรับตามหลักคำสอนของคัมภีร์กุรอ่าน
ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาก่อนที่ผมพบว่าที่จริงแล้วมีมัสยิดเล็กๆ อยู่ในเมืองของผม ผมจึงโผล่ไปที่นั่นพร้อมเคาะประตูและแนะนำตัวเอง
พวกเขาประหลาดใจที่เห็นผม และไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรกับผมในตอนแรก นอกเสียจากเปิดประตูมัสยิดให้ผมเข้าไป และให้การต้อนรับผมสู่ชุมชนของพวกเขา ผมได้รับการยอมรับนับจากจุดเริ่มต้นแรกๆ และตอนนี้ผมก็ยังคงอยู่ร่วมภายในชุมชนนี้
แน่นอนว่า ผมยังคงมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้
อิสลามคืออะไร – และทำอย่างที่คุณจะตัดขาดศาสนาดังกล่าวจากวัฒนธรรมของใครต่อใคร? มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะชี้ให้เห็นว่า อิสลามเป็นศาสนาที่คุณควรยอมรับมากกว่าวัฒนธรรมจำเพาะใดๆ ในโลกนี้ คุณยังคงมีเสรีภาพในการกำหนดตัวตนของคุณเองเสมอ ตราบใดที่คุณอยู่กับหลักการที่ปรากฎเป็นลายลักษณ์อักษรในอัลกุรอ่าน
ดังนั้น ตอนนี้ผมจึงเป็นคนขาว วัยกลางคน ชาวสก็อต ที่เป็นมุสลิม และมีความสุขกับมัน.
เขียนโดย Alan Rooney
แปล/เรียบเรียงจาก http://www.independent.co.uk/