ภาพอุปโลกน์ “ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ในอเลปโป” แนวรบโฆษณาชวนเชื่อล้มรัฐบาลซีเรีย!!

หนึ่งในตัวอย่างภาพปลอมที่ถูกแชร์กันแพร่หลายในโลกออนไลน์ที่อ้างว่าเป็นเหตุการณ์ในอเลปโป

การโษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองอเลปโป รวมทั้งการใช้ภาพถ่ายที่ “รีไซเคิล” จากเหตุการณ์และสถานที่อื่นๆ กำลังแพร่กระจายในโลกออนไลน์ เพื่อทำให้เห็นว่าความโหดร้ายของสงครามนั้นมาจากฝ่ายรัฐบาลซีเรีย

แม้กระทั่งแหล่งข่าวของสื่อกระแสหลักและองค์กรด้านมนุษยธรรมก็ยอมรับว่า รายงานการสังหารโหดในเมืองอเลปโปของซีเรียที่ถูกปิดล้อมมักเป็นข่าวลือที่พิสูจน์ไม่ได้

ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม สำนักข่าวเอเอฟพี (AFP) รายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพลเรือนในอเลปโป 82 คน โดยกล่าวหาว่าคนเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อของกองกำลังรัฐบาลซีเรีย

“”สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า ได้รับรายงานเกี่ยวกับกองกำลังสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย ได้สังหารพลเรือนฆ่าอย่างน้อย 82 คน ในจำนวนนี้รวม ผู้หญิง 11 คน และเด็ก 13 คน ในต่างพื้นที่ 4 แห่ง” รูเพิร์ต โคลวิลล์ โฆษกสสำนักงานสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงเจนีวา

แต่สหประชาชาติก็ไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะอยู่ในจุดยืนตามที่โคลวิลล์กล่าวอ้าง โดยได้เพิ่มเติมแถลงการณ์อีกชิ้นในเวลาต่อมาไปยังเอเอฟพี ว่า “เราหวังอย่างสุดซึ้งว่า รายงานเหล่านี้มีความผิดพลาด หรือเกินความจริง โดยที่สถานการณ์นั้นลื่นไหลสุดคณา และมันเป็นสิ่งท้าทายอย่างมากในการตรวจสอบรายงานดังกล่าว”

ชิร่า รูบิน ผู้สื่อข่าวของ Vocativ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ภาพของการสังหารโหดในอเลปโปได้แพร่หลายจนเตลิดในโซเชียลมีเดีย รูบินเสริมว่า “ส่วนใหญ่ของภาพเหล่านั้นถูกอุปโลกน์ขึ้นมา ซึ่งได้จุดประกายความวุ่นวายในหมู่นักถกเถียงที่กล่าวว่าภาพอุปโลกน์นั้นมีน้อยกว่าภาพจริงของความทุกข์และการต่อสู้ในภาคพื้นดินเหล่านั้น”

นักวิเคราะห์ทางการเมืองซีเรีย มิมี อัลลาฮาม โพสต์บนทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ชี้ให้เห็นว่า ภาพที่เอามาอ้างเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการโจมตีของรัฐบาลซีเรียนั้นมาจากมิวสิควิดีโอและเหตุการณ์ระเบิดในปากีสถานซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในซีเรียเลย

(แปลทวิตเตอร์ : ข่าวอุปโลกน์ เรื่องราวการสังหารหมู่พลเรือนในอเลปโปไม่มีหลักฐานใดเลย พวกเขาใช้ภาพปลอมจากจากมิวสิควิดีโอและเหตุการณ์ระเบิดในปากีสถาน)

บ่อยครั้งของข่าวลือที่กระจายไปทั่วทำให้ยากที่จะทราบว่าแหล่งข่าวใดที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่สหประชาชาติและองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ที่สำคัญ มักมีท่าทีการพูดเกินจริง หรือแม้กระทั่งการประดิษฐ์รายงานเพื่อสนับสนุนผลักดันการทำสงคราม โรบิน กล่าวเพิ่มเติม

“”สหประชาชาติประมาณการว่ามีผู้คนเกือบ 400,000 คนถูกฆ่าตายนับตั้งแต่ความขัดแย้งในซีเรียได้ปะทุขึ้นในปี 2011 และมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรต้องโยกย้ายถิ่นฐาน ตัวเลขซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้นี้นำไปสู่การใส่ความและข่าวลือจากผู้คนในโลกออนไลน์ที่พยายามจะเรียงลำดับความจริงจากนิยายโกหก”

น่าสังเกตว่า ภาพรีไซเคิลเหล่านี้และรายงานเท็จที่มีการแพร่กระจายนั้น “จงใจ” …เพื่อเจตจำนงในการโฆษณาชวนเชื่อ และเช่นเดียวกันนั้นจากผู้ใช้สื่อโซเชียลที่เลินเล่อ รูบินเขียนและว่า “บรรยากาศของข้อมูลที่ผิดๆ นั้นมีแต่จะเสริมสร้างให้รัฐบาลซีเรียมั่นคงขึ้นในการที่จะป่าวประกาศว่า รายงานของสื่อตะวันตกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความโหดร้ายของกองกำลังทหารรัฐบาลนั้นล้วนเป็นเท็จ”

แม้กระทั่ง อีเลียต ฮิกกินส์ นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคง ที่มักถูกขนานนามโดยสื่อกระแสหลักว่าเชียร์ตะวันตกและมีมุมมองสนับสนุนสงคราม ก็ยังโพสต์บนทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ว่า หลาย ๆ ภาพที่ใช้กล่าวหาถึงความโหดร้ายในอเลปโปนั้นปรากฏชัดว่าเป็นภาพรีไซเคิล

(แปลทวิตเตอร์ : ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น แต่ภาพเกี่ยวกับการประหารในอเลปโปทั้งหมดที่ผมเห็นถึงตอนนี้ล้วนเป็นภาพเก่า และ/หรือมาจากสถานที่อื่น)

ในขณะที่การโจมตีซึ่งถูกโยงไปยังรัฐบาลซีเรียเป็นประเด็นที่ถูกรายงานบ่อยครั้งเมื่อพูดถึงสถานการณ์สงครามกลางเมืองในซีเรีย แต่กลับกันความโหดร้ายป่าเถื่อนของกลุ่มกบฏที่ถูกเรียกว่า “สายกลาง” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรปรวมทั้งพันธมิตรอาหรับนั้นกลับไม่ค่อยได้รับความกระตือรือร้นที่จะรายงานจากสื่อกระแสหลักในระนาบเดียวกัน

รายงานเหล่ามีแม้กระทั่งว่า บางส่วนจากกลุ่มเหล่านี้ได้ปิดกั้นความพยายามที่อพยพประชาชนชาวเมืองอเลปโป ซึ่งในกลุ่มนั้นรวมถึงกลุ่มยับฮะตุชชาม (Jabhat Al-Sham) ซึ่งเป็นกลุ่มสุดโต่ง ที่ทั้งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯและมีความสัมพันธ์กับอัลกออิดะห์

โรเบิร์ต ฟิสก์ นักวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศที่มีชื่อเสียงตั้งข้อสังเกตในรายงานเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมว่า ในขณะที่ผู้นำซีเรีย บาชาร์ อัสซาด ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนนานับการอย่างไม่ต้องสงสัยนั้น ชาติตะวันตกก็จะต้องรับผิดชอบต่อการสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้งนี้ เขาเล่าให้ฟังถึงหนึ่งในความโหดร้ายที่เกิดขึ้นซึ่งเขาได้ยินจากผู้ลี้ภัยว่า

“เพียงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมสัมภาษณ์หนึ่งในครอบครัวมุสลิมแรกๆ ที่หลบหนีออกมาจากอเลปโปตะวันออกในระหว่างการพักรบ ผู้เป็นพ่อคนนี้เพิ่งได้รับการบอกข่าวว่า พี่ชายของเขาเพิ่งถูกประหารโดยกลุ่มกบฏ เหตุเพราะเขาข้ามแนวหน้าการสู้รบออกมาพร้อมกับภรรยาและลูกชายของเขา เขาประณามกบฏที่ปิดโรงเรียนและวางอาวุธใกล้กับโรงพยาบาล และเขาก็ไม่ใช่ฝ่ายโปรรัฐบาลซีเรีย เขายังเคยยกย่องไอซิสต่อพฤติกรรมที่ดีของพวกเขาในช่วงแรกๆ ของการปิดล้อม”

การกล่าวโทษความโหดร้ายในซีเรียต่อรัฐบาลซีเรียนั้นเพื่อสนับสนุนวาระซ่อนเร้นของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งพยายามจะโค่นล้มรัฐบาลซีเรียและแทนที่ด้วยรัฐบาลใหม่ที่เชื่อฟังมากขึ้นเพื่อสนองผลประโยชน์ของตะวันตกและการลงทุนของบริษัทด้านพลังงาน เอกสารลับด้านการทูตที่ถูกแฉโดยเว็บไซต์วิกิลีกส์เผยให้เห็นว่า สหรัฐอเมริกา อิสราเอล และซาอุดิอาระเบียได้พยายามที่จะโค่นล้มอัสซาดมาตั้งแต่ปี 2006 เป็นอย่างน้อย

 

โต๊ะข่าวต่างประเทศ : แปล/เรียบเรียงจาก http://www.mintpressnews.com