อินดีเพนเดนท์ – นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู บอกรมต.ต่างประเทศนิวซีแลนด์ว่า การที่ประเทศของเขาผลักดันมติของยูเอ็นที่ให้อิสราเอลยุติการเข้าไปตั้งถิ่นฐานในดินแดนของชาวปาเลสไตน์ เท่ากับเป็นการ “ประกาศสงคราม”
นายเนทันยาฮูยังได้ฟาดงวงฟาดฟาใส่ประธานาธิบดี บารัก โอบามา หลังการลงคะแนนเสียงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันศุกร์ (23 ธ.ค) ที่สหรัฐฯ งดออกเสียง แทนที่จะใช้สิทธิยับยั้ง หรือ วีโต เช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเขาเรียกการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการ “ลอบทำร้ายอย่างน่าละอาย”
คณะมนตรีความมั่นคงลงมติประณามการสร้างนิคมชาวยิวในเวสต์แบงก์และเยรูซาเล็มตะวันออกว่าเป็น “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน” และเรียกร้องอิสราเอลให้ “ยุติการดำเนินการตั้งถิ่นฐานในดินแดนยึดครองปาเลสไตน์โดยทันทีและทั้งหมด” โดยชี้ให้เห็นว่า ประชาคมระหว่างประเทศมีความเห็นว่า การก่อสร้างใดๆ ของอิสราเอลที่เกินเลยกว่าที่ตกลงกันเรื่องพรมแดนใน 1967 เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
หนังสือพิมพ์ Haaretz ของอิสราเอล รายงานว่า ในการโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวนายเนทันยาฮูบอกกับรมต.ต่างประเทศนิวซีแลนด์ นายเมอร์เรย์ แม็คคัลลี ว่า “นี่เป็นการตัดสินใจที่อัปยศ ผมขอร้องคุณว่าอย่าสนับสนุนและส่งเสริมมัน”
“ถ้าคุณยังส่งเสริมมตินี้ต่อไป ในมุมมองของเรามันคือการประกาศสงคราม มันจะทำลายความสัมพันธ์และจะส่งผลกระทบตามมา”
อย่างไรก็ดี นายแม็คคัลลี ปฏิเสธข่าวที่ว่านิวซีแลนด์จะกลับลำ พร้อมทั้งกล่าวว่า มตินี้สอดคล้องกับแนวนโยบายของนิวซีแลนด์
อิสราเอลได้เรียกทูตของตนกลับจากประเทศนิวซีแลนด์และประเทศเซเนกัล และยกเลิกความช่วยเหลือกับเซเนกัล
มติดังกล่าวได้รับการผลักดันจาก 4 ประเทศ ได้แก่ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย เซเนกัล และเวเนซุเอลา
นายเนทันยาฮูได้กล่าวว่าอิสราเอลจะไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าวของสหประชาชาติ