รอยเตอร์/เอเอฟพี -สหรัฐฯ ขับไล่นักการทูตรัสเซีย 35 ราย ให้เวลา 72 ชั่วโมงออกพ้นประเทศ คว่ำบาตรหน่วยงานข่าวกรองของมอสโก สั่งปิดสถานทูตรัสเซีย 2 แห่ง ส่วนมอสโกแถลงประณามทันควัน บอกจะตอบโต้อย่างเหมาะสม
ในวันพฤหัสบดี (29 ธ.ค.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา มีคำสั่งขับไล่ 35 นักการทูตผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับรัสเซีย และแถลงคว่ำบาตรหน่วยข่าวกรองรัสเซีย 2 แห่งในข้อหามีส่วนร่วมในการลักลอบแฮ็กระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีสรัฐฯ ที่เพิ่งผ่านพ้นไป
หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ กล่าวหาว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังการเจาะระบบการเลือกตั้งของอเมริกา และชี้นิ้วไปยัง ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ว่าเป็นผู้สั่งการโดยตรงเพื่อช่วยเหลือ โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากรีพับลิกัน ทำให้นางฮิลลารี คลินตันจากพรรคเดโมแครตหมดโอกาสก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาว
“มาตรการนี้มีขึ้นตามหลังคำเตือนที่เราได้แจ้งกับรัฐบาลรัสเซียทั้งแบบเป็นส่วนตัวและต่อสาธารณะหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเราจำเป็นต้องตอบโต้อย่างเหมาะสมต่อความพยายามทำร้ายผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ด้วยพฤติกรรมที่ละเมิดต่อบรรทัดฐานระหว่างประเทศ” โอบามาระบุในแถลงการณ์จากฮาวาย ซึ่งขณะนี้เขาอยู่ในช่วงพักผ่อน
“ชาวอเมริกันทุกคนควรจะได้ตระหนักถึงพฤติกรรมของรัสเซีย” เขากล่าว
ทรัมป์ได้บอกปัดข้อกล่าวหาจากซีไอเอและหน่วยข่าวกรองอื่นๆ ที่ว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังการโจมตีในโลกไซเบอร์ เขากล่าวว่าในวันพฤหัสบดีว่าเขาจะพบกับเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับในเร็ว ๆ นี้
ในบรรดามาตรการต่างๆ ของสหรัฐที่มีต่อรัสเซียประกอบด้วย มาตรการลงโทษหน่วยข่าวกรอง จีอาร์ยู (GRU) และ เอฟเอสบี (FSB) เจ้าหน้าที่จีอาร์ยู 4 นาย และ 3 บริษัทที่ถูกระบุว่าสนับสนุนปัจจัยในการแฮกแก่จีอาร์ยู ของรัสเซีย กำหนดให้เจ้าหน้าที่ทูตมอสโก 35 คนเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา และปิดที่ทำการด้านการทูตรัสเซีย 2 แห่งในนิวยอร์กและแมรีแลนด์ ที่ทางสหรัฐฯ อ้างว่าใช้สำหรับวัตถุประสงค์ด้านข่าวกรอง
พวกเขาถูกสั่งให้ออกนอกอเมริกาภายใน 72 ชั่วโมง
ด้านรัสเซียได้ออกมาประณามมาตรการลงโทษดังกล่าวผิดกฎหมาย และบอกว่านจะตอบโต้อย่างเหมาะสม มอสโคว์ปฏิเสธข้อหาการเจาะระบบดังกล่าว