อินดีเพนเด้นท์รายงานว่า หญิงชราคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอเมริกาถึง 22 ปีตั้งแต่ปี 1995 ต้องมาเสียชีวิตหลังถูกห้ามเข้าสหรัฐเป็นผลมาจากคำสั่งฝ่ายบริหารของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ห้ามพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐ
นายไมค์ ฮาเญอร์ ลูกชายของสตรีชรามุสลิมคนนี้ บอกว่า แม่ที่ป่วยของเขาไม่สามารถขึ้นเครื่องจากอิรักเพื่อเดินทางกลับสหรัฐ ทั้งที่นางโชว์กรีนการ์ด หรือเอกสารให้พำนักถาวรในสหรัฐ หลังจากครอบครัวตัดสินเดินทางกลับจากอิรักเมื่อแม่ชราวัย 75 ปี เกิดอาการป่วย
หนึ่งวันต่อมา แม่ของเขาก็เสียชีวิต ไมค์กล่าว
ไมค์ ฮาเญอร์ ซึ่งเกิดในอิรักเล่าว่า เขารู้สึกช็อคเมื่อต้องนำแม่ของตนที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ออกมาจากสนามบิน (ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นนาง) เขากล่าวว่า คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ ได้ “ทำลาย” ครอบครัวของตน
เขาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวฟอกซ์ว่า “พวกเขาทำลายเรา ผมไปพร้อมกับครอบครัวของผม แต่กลับมาเพียงลำพัง พวกเขาทำลายครอบครัวของเรา”
“เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง บอกเราว่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเพิ่งมีคำสั่งตอนนี้ พวกคุณไม่สามารถไปได้”
“”ผมรู้สึกช็อค ผมพาแม่ของผมที่อยู่บนรถเข็นกลับและเรียกรถพยาบาล เธอเสียใจอย่างมาก”
“เธอรู้เดี๋ยวนั้นว่า ถ้าเราส่งเธอกลับไปที่โรงพยาบาล เธอก็จะเสียชีวิต”
นายไมค์ ฮาเญอร์ เกิดในอิรักและหลบหนีออกมาพร้อมครอบครัวในช่วงสงครามอ่าว พวกเขาอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยเป็นเวลา 4 ปี ก่อนที่จะได้มาอยู่ในดีทรอยต์ สหรัฐ สำนักข่าวฟ็อกซ์รายงาน
ในปี 2000 นายไมค์ได้กลับไปยังอิรักโดยทำงานให้กับกองกำลังพิเศษสหรัฐระหว่างปี 2003 ถึง ปี 2008 ในฐานะล่ามและที่ปรึกษาทางวัฒนธรรม ขณะที่แม่ของเขายังคงอยู่ในสหรัฐอเมริกา
นายไมค์กล่าวหาว่าแม่ของเขาตายก็เพราะนายทรัมป์ และกล่าวว่านโยบายใหม่ทำให้เขารู้สึกว่า ตนและครอบครัวกลายเป็นคนซึ่งที่ไหนๆ ก็ไม่ต้องการ
“ในหัวใจผมเชื่อว่า ถ้าพวกเขาให้เราได้เข้า ตอนนี้แม่ของผมก็คงจะนั่งอยู่ข้างๆ ผม” เขากล่าว
“เธอจากไปเพราะเขา ที่นี่คือบ้านของเรา เราเคยอยู่ที่นี่มานาน เคยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เรายังเด็ก ถ้าที่อิรักก็ไม่ต้องผม และที่นี่ก็ไม่ต้องการผม แล้วจะให้ผมไปไหน? อะไรคือสิ่งที่ผมควรจะทำให้กับครอบครัวของผม” ไมค์กล่าว