อาเหม็ด กัดดาฟี ลูกพี่ลูกน้องของอดีตผู้นำลิเบีย “โมอัมมาร์ กัดดาฟี” ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักอาร์ทีของรัสเซีย ซึ่งเขาได้อธิบายอย่างชัดเจนว่าลิเบียได้กลายเป็นรัฐล้มเหลวเพียงใดนับตั้งแต่อังกฤษและฝรั่งเศสนำสงครามเข้ามาสู่ประเทศแห่งนี้ สงครามซึ่งผู้บงการและปลุกปั่นก็คือ “นางฮิลลารี คลินตัน” ซึ่งต่อมาก็คือรัฐมนตรีต่างประเทศของบารัก โอบามา
5 ปีหลังสงคราม ลิเบียไม่ได้เป็นเพียงรัฐล้มเหลว แต่เป็นรัฐที่อยู่ในสภาพที่สามารถเรียกได้เป็น “ชุมโจรสลัด” มากมาย ที่กำลังต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายในชื่อต่างๆ รวมทั้งไอซิส และอัลกออิดะห์ เพื่อควบคุมดินแดนและทรัพยากรของลิเบีย
ก่อนหน้านี้ลิเบียภายใต้การปกครองของกัดดาฟี เป็นประเทศที่มั่งคั่ง มีมาตรฐานการครองชีพสูง ประชาชนรู้หนังสือเกือบ 100 เปอร์เซนต์ (ในขณะที่ก่อนที่จะมีการปฏิวัติ 1 กันยายน 1969 ชาวลิเบียส่วนมากไม่รู้หนังสือ) และปลอดภัยจากการก่อการร้ายอย่างที่เป็นเช่นวันนี้
แม้ว่า จอร์จ ดับเบิลยู บุช เห็นสมควรที่จะทอดสะพานกับกัดดาฟีและร่วมมือกับเขาใน ‘สงครามต่อต้านการก่อการร้าย’ ของตน แต่น้ำใจของความร่วมมือนี้ก็มีวันหมดอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่กัดดาฟีได้เสนอให้ลิเบียและประเทศส่วนใหญ่ของทวีปแอฟริกาหันไปใช้ทองคำดีนาร์ อันจะให้ยุติการพึ่งพาเงินดอลลาร์
สงครามได้ทำลายความมั่งคั่ง สงบสุข และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ
อาเหม็ด กัดดาฟ อัลดัม ได้อธิบายสถานการณ์ดังต่อไปนี้
“”สงครามนี้ และการทำลายล้างลิเบียนี้ ทั้งหมดนั้น โดยคำพูดของตัวมันเอง เป็นความผิดพลาด”
“(ตะวันตก) ได้ยอมรับว่าพวกเขาก่อให้เกิดการล้มล้างระบอบการปกครองแห่งการปฏิวัติในลิเบีย พวกเขาทั้งหมด ประการแรกเหนือสิ่งใดพึงต้องขออภัยและแก้ไขทุกอย่างที่พวกเขาได้กระทำมันไป ทว่าความทุกข์คนลิเบียที่ต้องอาศัยอยู่ในห้องใต้ดิน ถูกบังคับให้ต้องหลบหนีออกจากบ้านของพวกเขา แลดูไร้ค่าตลอดหกปีที่ผ่านมา ไม่มีผู้ใดเลยกระทั่งแม้แต่จะพูดเกี่ยวกับมันในวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในลิเบียมันคืออาชญากรรมไม่ว่ามองจากจุดไหนหรือมุมใด”
เขาพูดถูกต้องที่บอกว่า ชาวลิเบียธรรมดาๆ ทุกคนถูกปู้ยี้ปู้ยำจากสงครามนี้ แม้กระทั่งในอิรักประเทศที่ถูกแบ่งแยกทางการเมืองมากกว่าที่ลิเบียเคยเป็นในอดีต แต่ทั้งฝ่ายสนับสนุนซัดดัมหรือฝ่ายตรงข้ามก็ยอมรับว่าอิรักดีขึ้นสำหรับชาวอิรักทั้งหมด เมื่อเทียบกับก่อนปี 2003
แต่ในลิเบียสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง ขณะที่อิรักค่อยๆ สร้างตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ทุกฝ่ายในอิรักร่วมปราบไอซิสในที่มั่นเมืองโมซูล ทว่าลิเบียดูสิ้นหวังมากขึ้น
อาเหม็ด กัดดาฟี พูดถูกต้องที่บอกว่า
“เนื่องในวันครบรอบอาหรับสปริงนี้ เราต้องเรียกร้องคำขอโทษที่มีต่อชาวลิเบียทั้งหมด ผู้ที่บ้านถูกทำลาย บรรดาผู้ที่ถูกลดเกียรติ ในนามของพวกเขาผมขอเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงและผู้นำชาติมหาอำนาจโลกจงขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2011″
คำขอโทษเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่สิ่งที่จำเป็นกว่าคือความพยายามร่วมกันของนานาชาติในการกอบกู้รัฐล้มเหลวแห่งนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งในตอนนี้ยังไม่เห็นวี่แววใดๆ เลย
อ้างอิง
– https://www.rt.com
– http://theduran.com