thenational – หลังจากถูกฝังอยู่ใต้ดินมาอย่างน้อย 15 ศตวรรษ ในที่สุดพระพุทธรูปที่งดงามก็ได้รับการบูรณะ และถูกย้ายออกจากพื้นที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของอัฟกานิสถาน พร้อมนำออกแสดงให้สาธารณชนได้ชมครั้งแรกในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของประเทศ
พระพุทธรูปองค์นี้ถูกฝังอยู่ใต้ชั้นดินมาตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 3-5 มีสภาพสมบูรณ์และสีสันยังคงสดใส ถูกค้นพบเมื่อปี 2012 (พ. ศ. 2555) ในเขตเมส อัยนัค (Mes Aynak) ของจังหวัดโลจาร์ (Logar) ห่างจากกรุงคาบูลไปทางตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะทาง 40 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันเป็นฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มตาลีบัน กองกำลังติดอาวุธสุดโต่งที่เคยทำลายพระพุทธรูปยืนแห่งบามิยันมาก่อน
การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นหลังกลุ่มทุนจีนเข้าไปลงทุนและเริ่มขุดเหมืองทองแดง ทำให้พบกับกลุ่มวิหารโบราณบนพื้นที่กว้างขวางกว่า 4 ตารางกิโลเมตร
“พระพุทธรูปนี้อยู่ในสภาพที่เกือบสมบูรณ์ตอนที่ถูกค้นพบ โดยยังมีเศียรอยู่ด้วยซึ่งถือว่าพบได้ยากมาก” เอร์มาโร คาร์โบนารา (Ermano Carbonara) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบูรณะวัตถุโบราณชาวอิตาเลียนกล่าว และว่า “ “พระพุทธรูปถูกจัดวางไว้ตรงกลางซุ้มซึ่งประดับประดาด้วยภาพวาดดอกไม้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางอันยิ่งใหญ่ของการสวดภาวนา การย้ายออกมาจากจุดเดิมเป็นสิ่งที่ดีกว่า เพื่อการอนุรักษ์”
พระพุทธรูปองค์นี้เป็นประติมากรรมจากดินเหนียว ซึ่งนำมาจากแม่น้ำเมส อัยนัค ซึ่งไวต่อความชื้น “ความชื้นจากฝนอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้” คาร์โบนารากล่าวและว่า รายละเอียดของพระพักตร์ มวยผมสีดำ พระปรางค์สีชมพู และดวงตาสีฟ้าเข้ม ถือเป็นเทคนิคที่ซับซ้อนของช่างฝีมือโบราณที่ปั้นพระพุทธรูปองค์นี้
ในประเทศที่พินาศจากเหตุความรุนแรงในช่วง 4 ทศวรรษที่ผ่านมา เศียรพระพุทธรูปโบราณถูกหมายตาจากนักปล้นสะดมเพราะที่เป็นที่ต้องการสูงในตลาดมืด พระพุทธรูปจำนวนมากในอัฟกานิสถานจึงอยู่ในสภาพไร้เศียร การทิ้งพระพุทธรูปโบราณในสภาพสมบูรณ์เช่นนี้ไว้ในพื้นที่สาธารณะซึ่งเข้าถึงได้ง่ายจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก
นอกจากนั้นการบูรณะยังช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญได้ศึกษารูปแบบโครงสร้างด้านในที่เป็นฟางและไม้ซึ่งเผยให้เห็นถึงอิทธิพลของกรีกที่นำโดยอเล็กซานเดอร์มหาราชเมื่อกองทัพของเขากวาดไปทั่วภูมิภาคนี้เมื่อราวประมาณ 330 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ราว 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พระพุทธรูปองค์นี้ถูกนำไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัฟกานิสถานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปรากฏโฉมต่อสาธารณะ
ห้องจัดแสดงขนาดใหญ่ถูกเตรียมไว้ให้กับการขุดค้นและสมบัติของเมส อัยนัค ซึ่งเป็นสักขีพยานถึงอดีตอันเรืองรองของอัฟกานิสถานก่อนการมาของอิสลาม