ผศ.มัสลัน มาหะมะ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยฟาฎอนี เผย รัฐบาลซาอุฯ โดยกษัตริย์ซัลมาน อนุมัติงบ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 700 ล้านบาท หนุนโครงการก่อสร้างศูนย์อิสลามฯ ที่ปัตตานี ขณะที่มุสลิมบางฝ่ายออกโรงต้าน หวั่นแพร่แนวคิดหัวรุนแรงแบบวะฮาบี และสร้างความแตกแยกในพื้นที่
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2560 ผศ.มัสลัน มาหะมะ รองอธิการบดีฝ่ายบริการสังคมและสารสนเทศ มหาวิทยาลัยฟาฎอนี ได้เผยผ่านเพจ Mazlan Muhammad ของตนว่า รัฐบาลซาอุฯ โดยกษัตริย์ซัลมาน บินอับดุลอาซิส อัลซาอูด ได้อนุมัติงบประมาณเป็นจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 700 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างศูนย์อิสลามผู้พิทักษ์สองมัสยิดอันทรงเกียรติ กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส อาลซะอูด ที่จังหวัดปัตตานี
พร้อมกับการเปิดเผยตัวเลขเงินสนับสนุนดังกล่าวจากซาอุฯ ผศ.มัสลัน ยังได้แปลและเผยแพร่จดหมายของ นายอับดุลอิลาห์ บินมุฮัมมัด อัลชุอัยบี อุปทูตซาอุดิอาระเบีย ประจำประเทศไทย ที่ส่งถึงวันนายมูหะมัดนอร์ มะทา นักการเมืองแกนนำกลุ่มวาดะห์ และ ผศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฎอนี ซึ่งยืนยันเกี่ยวกับการอนุมัติให้เงินงบประมาณของซาอุฯ แก่โครงการก่อสร้างนี้
โครงการก่อสร้างศูนย์อิสลามฯ นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “มาดีนะตุสสลาม” หรือเดิมชื่อ “ปัตตานีจายา” ซึ่งเป็นโครงการอภิมหาโปรเจคต์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยโครงการมีมูลค่าการลงทุนรวมไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท
จาก “ปัตตานีจายา” สู่ “มะดีนะตุสสลาม”
อภิมหาโปรเจกต์โครงการก่อสร้างเมืองใหม่ใจกลางจังหวัดปัตตานี เป็นโครงการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ เดิมชื่อ “ปัตตานีจายา” ต่อมาเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “มะดีนะตุสสลาม” ที่มีความหมายว่า “เมืองแห่งสันติ” ซึ่งต่อยอดจากความสำเร็จของมหาวิทยาลัยฟาฏอนี
โครงการนี้ริเริ่มและขับเคลื่อนโดย ดร.อิสมาอีล ลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนีและนักการศาสนาชื่อดังในพื้นที่จชต. ที่ร่วมกับกลุ่มต่างๆ หลายภาคส่วนผลักดันจนโครงการเกิดเป็นรูปเป็นร่าง โดยมีการจดทะเบียนจัดตั้ง “บริษัท ปัตตานี จายา โฮลดิ้ง จำกัด” ขึ้นมาบริหารงาน
โครงการ “ปัตตานีจายา” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1,121 ไร่ ริมถนนสายเอเชีย ปัตตานี-นราธิวาส ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งขยับจากตัวเมืองปัตตานีมาไม่ไกลมากนัก โดยจะประกอบไปด้วยมหาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติ มัสยิด โรงพยาบาล ศูนย์การค้า ตลาด และที่อยู่อาศัย คาดการณ์ว่าเมื่อการดำเนินการสร้างเสร็จสิ้นจะมีจำนวนผู้อาศัยภายในโครงการไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นคน โดยโครงการมีมูลค่าการลงทุนรวมไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท
ด้วยความเป็นอภิมหาโปรเจกต์ที่ใช้เงินลงทุนมหาศาล ท่ามกลางความไม่สงบของไฟใต้ อีกทั้งด้วยเครดิตและต้นทุนทางสังคมของ ดร.อิสมาอีล ลุตฟี ผู้ดำริแนวคิดและริเริ่ม จึงทำให้โครงการปัตตานีจายากลายเป็นกระแสและได้รับความสนใจนับตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการราวปี 2555
อย่างไรก็ดี ผ่านไประยะหนึ่ง ข่าวคราวโครงการปัตตานีจายาก็ค่อยๆ เงียบหาย พร้อมๆ กับข่าวที่กระเซ็นออกมาเป็นระยะๆ ว่า โครงการประสบปัญหาเรื่องเงินลงทุน รวมทั้งเรื่องพูดกันปากต่อปากกรณีความไม่โปร่งใสของผู้ดูแลโครงการบางรายที่มีส่วนในการปั่นราคาจัดซื้อที่ดิน รวมทั้งการมีนอกมีในเรื่องการรับเหมาก่อสร้าง จนทำให้โครงการประสบปัญหา
ในการแถลงข่าวเพื่อระดมทุนเดินหน้าโครงการ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2559 ที่ห้องอาหารโซเฟีย ย่านคลองตัน กรุงเทพฯ นายหะมะมุกดาร์ แลมัน กรรมการผู้จัดการ ปัตตานี จายา โฮลดิ้ง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า โครงการมีภาระหนี้สินกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 580 ล้าน ซึ่งได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับธนาคารแล้ว (อ่านรายละเอียด http://www.publicpostonline.net/5897)
มุสลิมบางฝ่ายหวั่นเป็นศูนย์กลางเผยแพร่แนวคิดหัวรุนแรงแบบ “วะฮาบี” สร้างความแตกแยกในพื้นที่
หลังมีกระแสข่าวว่า รัฐบาลซาอุฯ ให้งบสนับสนุนแก่โครงการก่อสร้างศูนย์อิสลามฯ และ มะดีนะตุสสลาม ที่ริเริ่มโดย ดร.อิสมาอีล ลุตฟี ซึ่งเป็นแกนนำของมุสลิมแนวคิดแบบ “วะฮาบี” หรือ “ซาลาฟี” ที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่งแบบซาอุฯ ก็ทำให้เกิดกระแสหวาดหวั่นในกลุ่มมุสลิมบางฝ่ายว่าศูนย์อิสลามดังกล่าวจะเป็นแหล่งเผยแพร่ของแนวคิดวะฮาบีซึ่งมีความขัดแย้งในรายละเอียดปลีกย่อยหลายเรื่องเมื่อเทียบกับกับมุสลิมซุนนีเดิมซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ในพื้นที่จชต.
ตัวอย่างเช่น เพจ “Wahabi Shiah Yahudi” ซึ่งเป็นเพจของมุสลิมซุนนีเดิมที่ต่อต้านวะฮาบีและชีอะห์ ก็ได้ออกมาโพสต์ต่อต้านโดยระบุว่า “ในที่สุดสาอุดีอนุมัติ 20 ล้าน ดอลลาร์ สหรัฐให้ยีแอสร้างศูนย์กลางวะห์ฮาบี มาดีนาตุสสาลาม ที่ปัตตานี
ส่วนชีอะห์ก็เริ่มเข้ามาตั้งศูนย์ ฮูซันนียะห์ ที่ยะลา ส่วนนักรบชาวปัตตานีกำลังรบกับรัฐไทย พลีชีพ ตัวขาดสะบั่น โรงเรียนสอนศาสนาบางโรงก็ยังคงเพลิดเพลินแบ่งเค้กอันโอชะ ในการบำเรอครอบครัว จนหลงลืมเป้าประสงค์อันแท้จริง ในการสร้างอุมมะห์เพื่อปกป้องอากีดะห์อะห์ลิลซุนนะห์ วัลยามาอะห์”
“มิใช่ว่าศัตรูของเราเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม แต่เราต่างหากที่อ่อนแอ …ขอให้อัลลอฮคุ้มครองพี่น้องมุสลิมจากแผนร้ายอากีดะห์ แปลกปลอม วะห์ฮาบี ชีอะห์ ยาฮูดี ทีคอยจ้องทำลายอิสลาม” เพจดังกล่าวระบุ
ส่วนเพจ Imm Journal ของมุสลิมชีอะห์ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับมุสลิมวะฮาบี ก็ออกโพสต์ระบุว่า วาฮาบีขยายฐานสร้างศูนย์อิสลามใน จชต.
“อุปทูตซาอุดีอารเบียประกาศอย่างเป็นทางการว่า กษัตริย์ซัลมาน บินอับดุลอาซิส อาลซะอูด ได้ทรงอุปถัมป์โครงการก่อสร้างศูนย์อิสลาม ด้วยงบประมาณจำนวน 20 ล้านดอลล่าร์ คาดเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางเผยแพร่อิสลามสายวาฮาบี โดยอ้างว่าเป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับชนกลุ่มน้อยมุสลิมในประเทศไทย ทั้งนี้ ถึงแม้ความสัมพันธ์รของทั้งสองประเทศจะลดระดับไป และได้เหินห่างกับมุสลิมในประเทศไทย ไปแล้ว แต่ครั้งนี้น่าสังเกตว่า วาฮาบีไทยกำลังเคลื่อนไหวคึกคัก ล่าสุดพบปะกับ สส.ของสหรัฐฯ ที่ลงมาถึงพื้นที่ สามจังหวัด ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่” เพจชีอะห์ระบุ