RT – องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นกังวลต่อความปลอดภัยของประชาชนกว่า 400,000 คนในเมืองรักกา (Raqqa) ประเทศซีเรีย พื้นที่ซึ่งกองกำลังฝ่ายต่อต้านของซีเรียที่สหรัฐสนับสนุนกำลังทิ้งระเบิดโจมตีไอซิส ยูเอ็นระบุเพิ่มเติมว่า การโจมตีส่งผลให้จำนวนพลเรือนเสียชีวิตทวีเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของพลเรือน
“ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ชีวิตประจำวันของพลเรือนต้องเผชิญกับการสู้รบและการโจมตีทางอากาศ ซึ่งส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บที่เป็นพลเรือนเพิ่มขึ้น รวมถึงความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนซึ่ง ได้แก่ โรงพยาบาล โรงเรียน ตลาด และระบบประปา” โฆษกของเลขาธิการสหประชาชาติแถลงเมื่อวันจันทร์ (24 เม.ย.)
“ตรงนี้เป็นความกังวล” เกี่ยวกับปฏิบัติการที่สหรัฐฯ สนับสนุน ว่าจะส่งกระทบผลต่อพลเรือนอย่างไร ฟัรฮาน ฮัค (Farhan Haq) รองโฆษกเลขาธิการสหประชาชาติกล่าวกับอาร์ทีสื่อรัสเซีย
“เราได้ตั้งค่ายลี้ภัยในพื้นที่เพื่อรองรับประชาชน และเรากำลังพยายามทำให้แน่ใจว่า ประชาชนทุกคนที่ลี้ภัยจากการสู้รบสามารถพักพิงในค่ายเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาได้ แต่เราต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการดำเนินการใดๆ ที่นำไปสู่กรณีดังกล่าว พวกเขาจะต้องระลึกไว้ว่ามีพลเรือนจำนวนมากที่กำลังพยายามหลบหนีเพื่อแสวงหาความปลอดภัย” เจ้าหน้าที่สหประชาชาติกล่าว
“เราจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกฝ่ายปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้พลเรือนสามารถได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งจากการกระทำของไอซิสและจากการโจมตีทางอากาศ” เขากล่าวเสริม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีรายงานว่าประชาชนอย่างน้อย 8 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 5 คน ถูกสังหารในเหตุการณ์โจมตีทางอากาศที่เมืองอะตาบากา (Atabaqa) เจ้าหน้าที่ยูเอ็นกล่าวและว่า มีโรงเรียน 2 แห่งถูกทำลายจากการโจมตีครั้งนี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “มีรายงานว่าประชาชนหลายสิบคนถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทางอากาศที่เกิดขึ้นกับค่าย IDP (ค่ายผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ) ใกล้หมู่บ้านอัลบาร์ดะห์ (Albardah) ห่างจากเมืองรักกาไปทางตะวันตกประมาณ 20 กิโลเมตร” แถลงการณ์ระบุ
ในค่ายอื่นๆ ในจังหวัดรักกาซึ่งเป็นที่พักพิงของผู้คนหลายพันคนที่หลบหนีจากความทารุณของไอซิสนั้น “สี่ในห้าคนกำลังอยู่ในที่โล่งโดยไม่มีที่พักพิงที่เหมาะสม” มีรายงานว่าเด็กหลายคนเสียชีวิตในค่ายเนื่องจากขาดการดูแลรักษาทางการแพทย์ องค์การสหประชาชาติระบุ