เมื่อวันพฤหัสบดี วานนี้ (27 เม.ย.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คร่ำครวญว่าซาอุดิอาระเบีย พันธมิตรใกล้ชิดสหรัฐฯ ไม่ได้ปฏิบัติต่อสหรัฐฯ อย่างเป็นธรรม และวอชิงตันก็กำลังสูญเสีย “เงินจำนวนมหาศาล” เพื่อปกป้องราชอาณาจักรแห่งนี้
ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ ทรัมป์ยืนยันว่าฝ่ายบริหารของตนกำลังหารือเกี่ยวกับการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียและอิสราเอลในช่วงปลายดือนพฤษภาคมนี้ เขามีกำหนดจะเดินทางไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดีเพื่อรว่มประชุมสุดยอดนาโตในกรุงบรัสเซลส์ในวันที่ 25 พ.ค. นี้ และอาจเพิ่มการเดินทางไปที่อื่นๆ ด้วย
“พูดอย่างตรงไปตรงมา ซาอุดีอาระเบียไม่ได้ปฏิบัติกับเราอย่างเป็นธรรม เพราะเรากำลังสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลเพื่อปกป้องประเทศซาอุดิอารเบีย” เขากล่าว
การวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์ที่มีต่อริยาดซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับหนึ่งของโลกนั้นย้อนกลับไปสู่การสร้างวาทกรรมในช่วงรณรงค์เลือกตั้งเมื่อปี 2016 เมื่อเขากล่าวหาว่าซาอุฯ ไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสมสำหรับการเข้ามาอยู่ในร่มเงาการปกป้องของสหรัฐฯ
“ไม่มีใครไปยุ่งกับซาอุดิอาระเบียเพราะเรากำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่” ทรัมป์กล่าวระหว่างการรณรงค์ในวิสคอนซินเมื่อปีที่แล้ว “แต่พวกเขาไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายในราคาที่ยุติธรรมให้เรา จนเรากำลังจะหมดตัว”
เมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บินซาลมาน รองมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียได้พบกับทรัมป์ ซึ่งเป็นการพบปะที่ได้รับการยกย่องจากที่ปรึกษาอาวุโสซาอุดิอาระเบียว่าเป็น “จุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์” ในความสัมพันธ์ การเจรจาดังกล่าวปรากฏให้เห็นสัญญาณของการร่วมใจกันในหลายประเด็น รวมทั้งมุมมองร่วมกันว่าอิหร่านเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงในภูมิภาค
ริยาดและพันธมิตรประเทศอ่าวอื่นๆ มองว่าทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนสำคัญที่จะมาฟื้นฟูบทบาทของวอชิงตันในฐานะพันธมิตรหลักทางยุทธศาสตร์ของตน หลังจากที่ความสัมพันธ์ได้ตกต่ำสุดขีดในยุคประธานาธิบดีบารัก โอบามา หลังบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน