สิงคโปร์คุมตัวพลเมืองหญิงวัย 22 แนวร่วม “ไอซิส” วางแผนไปซีเรีย

รูปภาพโพสต์บนโซเชียลมีเดียของกลุ่ม Al-Khansa ของไอซิส

กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์เผยพลเมืองวัย 22 ปีได้กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ถูกคุมขังภายใต้พระราชบัญญัติความมั่นคงภายใน (ISA) เหตุต้องสงสัยพยายามเข้าร่วมกลุ่มไอซิส

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 60 เว็บไซต์ข่าวสเตรทไทม์รายงานว่า กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ได้ควบคุมตัว ไซคาห์ อิซซาห์ ซาราห์ อัลอันซอรี วัย 22 ปี สัญชาติสิงคโปร์ ซึ่งทำงานที่เนสเซอรีชุมชุนแห่งหนึ่ง ภายใต้กฎหมายความมั่นคงภายใน (ISA) โดยไม่มีการไต่สวน

รายงานระบุว่า สตรีผู้นี้กำลังวางแผนที่จะเดินทางไปซีเรีย เพื่อแต่งงานกับนักรบของกลุ่มไอซิส  นางถูกทางการจับตัวไว้เมื่อต้นเดือนนี้

ทางการสิงคโปร์ระบุในแถลงการณ์ว่า เธอกลายเป็นพวกหัวรุนแรงตั้งแต่ปี 2013 หลังจากดูโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มสุดโต่งจากสื่อออนไลน์

พ่อแม่ของเธอเป็นครูสอนกุรอานทั้งสองคน และพี่สาวรู้เรื่องการฝักใฝ่กลุ่มหัวรุนแรงของเธอในปี 2015 แต่ไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า หลังอิซซาห์ถูกจับตา “สมาชิกในครอบครัวได้ทำลายหลักฐานที่สำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับแผนการของเธอที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มไอซิส เพื่อช่วยกลบเกลื่อนการกระทำของเธอ”

ไซคาห์ อิซซาห์ ซาราห์ อัลอันซอรี วัย 22 ปี สัญชาติสิงคโปร์

เธอได้จัดตั้งเครือข่ายออนไล์ของกลุ่มต่างชาติ เครือข่ายนี้ประกอบด้วยนักรบไอซิส และกลุ่มผู้สนับสนุน ซึ่งบางคนได้เสียชีวิตในซีเรีย หรือถูกจับกุมในข้อหาก่อการร้าย

กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ระบุว่า อิซซาห์ตั้งใจที่จะเข้าร่วมกับไอซิสในซีเรียและสนับสนุนการใช้ความรุนแรงเพื่อจัดตั้งและปกป้องในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “รัฐคอลีฟะห์”

เธอวางแผนอย่างจริงจังที่จะเดินทางไปซีเรียพร้อมกับลูกเล็กของเธอ กระทรวงมหาดไทยระบุและเพิ่มเติมว่า เธอกำลังมองหาผู้สนับสนุนไอซิสเพื่อที่จะแต่งงานด้วยและตั้งถิ่นฐานในซีเรีย

เธอเชื่อว่า เธอจะได้รับรางวัลในสรวงสวรรค์ ถ้าสามีของเธอเสียชีวิตในการต่อสู้ และสถานะ “ภรรยาม่ายของผู้สละชีพ” ของเธอจะช่วยให้เธอได้แต่งงานกับนักรบคนอื่นของไอซิสได้อย่างง่ายดาย

“เธอยังกล่าวอีกว่าเธอพร้อมที่จะรับการฝึกทางทหารและมีส่วนร่วมในการสู้รบเพื่อปกป้องไอซิส หากกลุ่มผู้ก่อการร้ายเรียกร้องให้ทำเช่นนั้น” กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์กล่าว

ท่ามกลางความกังวลว่ากลุ่มไอซิสจะขยายเครือข่ายมากขึ้นในภูมิภาค ทางการสิงคโปร์ได้กระตุ้นเตือนให้ประชาชนแจ้งเตือนหรือส่งข้อมูลแก่ทางการหากมีเหตุต้องสงสัยว่าเพื่อนหรือบุคคลในครอบครัวถูกดึงเป็นพวกหัวรุนแรง โดยชี้ว่าการเข้าแทรกแซงตั้งแต่เนิ่นๆ จะสามารถป้องกันการโจมตีจากผู้ก่อการร้ายในอนาคตได้