” ขณะนี้ครูได้หยุดสอน เด็กนักเรียนได้รับความเดือดร้อน ผมในฐานะเป็น ส.ส. ในพื้นที่ จึงต้องทำหน้าที่นำความทุกข์ร้อนของครูในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาพูดในสภาแห่งนี้ ผมไม่อยากให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ไม่อยากให้เด็กๆต้องหยุดๆเรียนๆ จังหวัดนราธิวาสมาตรฐานการศึกษาอยู่ในแถวหลังอยู่แล้ว รัฐบาลจะถือว่าเป็นเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆ ไม่ได้ เพราะมันมีผลกระทบกับเด็กนับจำนวนแสนคน รวมทั้งจังหวัดปัตตานียะลา และ สตูล
ท่านประธานที่เคารพ ผมเองเห็นใจครูในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก ครูเหล่านี้ไม่มีหลักประกันใดๆ ที่รัฐบาลจะมอบให้กับพวกเขาเลย ในขณะที่พวกเขากำลังสอนเด็กนักเรียน จิตใจของพวกเขาไม่เป็นสมาธิ จิตใจหวาดหวั่นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วจะสอนเด็กๆ ให้ดีได้อย่างไร ผลเสียด้านการศึกษาก็ต้องตกแก่เด็กๆ จึงไม่แปลกใจที่มาตรฐานการศึกษาในจังหวัดนราธิวาสรั้งท้ายจังหวัดอื่นๆ
ท่านประธานที่เคารพ นอกจากเรื่องครูแล้ว ผมอยากอภิปรายในเรื่องปัญหาอื่นๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้บ้าง ดังเช่น ปัญหาประชาชนไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อสองเดือนที่ผ่านมาในเขตพื้นที่เกิดเหตุครูปรีชาถูกจับตัวครั้งนี้ ลูกสาวชาวบ้านเป็นเด็กนักเรียนชั้นป. 6 ก็ถูกจับตัวไป ในขณะนี้ยังไม่ทราบข่าวคราวชะตากรรมเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ได้ติดตามเอาใจใส่ แล้วก็แล้วกันไป เป็นเพราะเป็นประชาชนธรรมดาๆ ตัวเล็กๆไม่มีพลัง ไม่มีการประท้วง เรื่องก็เลยหายเงียบไป
ท่านประธานที่เคารพ เมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว มีครอบครัวๆ หนึ่งในพื้นที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส มีด้วยกัน 12 ชีวิต บ้านพวกเขาตั้งอยู่ห่างโรงพักตำรวจเพียง 2 กม. ลูกสาวในครอบครัวนี้ถูกคนร้ายจับตัวไป ต่อมาได้ตัวคืนมา และตำรวจได้จับกุมดำเนินคดีกับคนร้าย แต่คนร้ายได้อาฆาตพยาบาทกับครอบครัวนี้ ว่าจะฆ่าคนในตระกูลนี้ให้หมดทั้งครอบครัว ทางผู้นำครอบครัวได้ไปแจ้งความที่โรงพักตำรวจอำเภอสุไหงโกลกแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า เป็นคำข่มขู่ธรรมดาๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ต่อมาหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ช่วงเวลากลางคืนคนร้าย ได้เข้าไปยิงแม่ของครอบครัวนี้อายุ 62 ปีภายในบ้านจนเสียชีวิตไป ทางผู้นำครอบครัวได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่โรงพักตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจตอบว่า ตำรวจมีกำลังไม่ เพียงพอ จึงให้ความคุ้มครองชาวบ้านไม่ได้อย่างเต็มความสามารถ นี่เป็นข้ออ้างของเจ้าหน้าที่ตำรวจในอำเภอสุไหงโกลก ซึ่งเป็นอำเภอที่เจริญที่สุดแล้วในจังหวัดนราธิวาส และอยู่ห่างบ้านของผู้เคราะห์ร้ายเพียง 2 กม.เท่านั้น เมื่อครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายมาหาผม ผมก็ไปร้องขอความเป็นธรรมให้เขากับผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ให้สอบสวนเรื่องนี้เพื่อให้ความเป็นธรรมกับพวกเขาต่อไป แต่ในขณะนี้ผลการสอบสวนคืบหน้าเป็นอย่างไร ผมไม่ทราบ จึงขอความกรุณารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยติดตามเรื่องนี้ด้วย
ท่านประธานที่เคารพ ที่ยกเรื่องราวมาประกอบการอภิปรายทั้งหมดนี้ เพื่อสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของครู ซึ่งเป็นข้าราชการตัวน้อยๆ และประชาชนตาดำๆ ให้รัฐบาลรับทราบ เพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาของประชาชนและครูที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกทำร้ายและจับเป็นตัวประกัน และนอกจากนั้นให้ปรับปรุงพัฒนาการทำงานของเจ้าหน้าที่ข้าราชการของรัฐในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้เกิดความสงบสุขตามความต้องการของประชาชนต่อไป ขอบคุณครับ ”
ภายหลังจาก นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ในฐานะเจ้าของญัตติอภิปรายจบแล้ว คนอภิปรายในลำดับต่อไป คือ นายเจริญ ภักดีวนิชย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง ดังนี้
ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร( นายธนา เมตตาริกานนท์) : เชิญ คุณเจริญครับ
นายเจริญ ภักดีวนิชย์ : “กราบเรียนท่านประธานที่เคารพ กระผม นายเจริญ ภักดีวนิชย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง พรรคชาติไทย กระผมในฐานะผู้เสนอญัตติเรื่อง ครูปรีชา แซ่ลิ่ม ถูกโจรเรียกค่าไถ่ ซึ่งประกอบด้วยท่าน พลเอก หาญ ลีนานนท์ คุณนิกร จำนง คุณพิทักษ์ รังษีธรรม และ คุณวิฑูร หลังจิ ท่านประธานครับ ผมขอกราบเรียนว่าขณะนี้พี่น้องชาวใต้ทั้งหมดนะครับ 4-5 จังหวัดกำลังรอรัฐบาล กำลังรอสภาแห่งนี้ให้ความสนใจในการที่จะแก้ปัญหาของเขาเหล่านั้น กระผมขอกราบเรียนว่า ในการเรียกครูค่าไถ่นั้นเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้วนะครับ เกือบ 20 กว่าปีแล้ว หลังจากการที่จะเรียกครูค่าไถ่ การฆ่า การเผาโรงเรียน สิ่งเหล่านี้เกิดผลกระทบต่อสภาพสังคม เศรษฐกิจ และ การเมือง ในพื้นที่เหล่านั้น
ท่านประธานครับ กระผมขอ กราบเรียนว่า เป็นปัญหาเร่งด่วนที่เราจะต้องให้ความสนใจต่อพี่น้องประชาชนในส่วนชายแดนภาคใต้ ซึ่งกระผมเองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครัฐบาลก็ขอแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ เมื่อก่อนนี้ท่านรองนายกได้ไปดูแล เพื่อให้ความอบอุ่นกับพี่น้องชาวใต้ โดยเฉพาะญาติพี่น้องของครูปรีชา แซ่ลิ่ม ท่านประธานครับ กระผมขอยกตัวอย่างให้สภานี้ได้ดูสัก 2 ตัวอย่างครับ ในเรื่องความเจ็บปวดของผู้คนเหล่านั้นที่เขาได้รับ โดยเฉพาะครูของโรงเรียนศรีสาครนะครับ โจร 7 คน มาเรียกครู ครูใหญ่ เอาเชือกเสาธง เชือกธงครับมัดไพล่หลัง แล้วยิง ยิงสมองเละหมดนะครับ สภาพเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทย อีก 2 คน ครูน้อย 2 คน วิ่งหนี โจรไล่ยิง สภาพศพนั้นไม่สามารถที่จะดูได้นะครับ สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นความเจ็บปวดที่พวกเราทั้งหมดในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ควรจะนึกว่าเป็นส่วนหนึ่งที่พี่น้องของเรานั้นได้รับความทุกข์ ความลำบาก หลังจากนั้น วันที่ 24 ที่เราเลือกต้ัง มีการเผาโรงเรียน สถานีอนามัย 12 แห่งครับ สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่ารัฐบาลควรจะแก้ปัญหาอย่างจริงจังและจริงใจ กระผมขอกราบเรียนพี่น้องมุสลิมทางใต้ทั้งหมดนะครับ พี่น้องทางใต้ 99 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนดีมาก เป็นคนรักบ้านรักเมือง มีคนกลุ่มน้อยเล็กๆเท่านั้น ที่ทำให้เราเกิดความสงสัย เกิดความเคลือบแคลง เกิดความไม่สบายใจ ผมอยากให้สภาแห่งนี้รับรู้ด้วยครับว่า พี่น้อง มุสลิมทั้งหมดเป็นคนดี แต่ขณะนี้เมื่อกลุ่มเล็กๆ สร้างปัญหาให้เกิดความระแวงระหว่างไทยพุทธกับไทยอิสลาม ผมคิดว่าสภาแห่งนี้ควรให้ความสนใจพื้นที่เหล่านี้ขณะนี้นะครับ นักเรียนทั้งหมดไม่ได้เรียนหนังสือนะครับ และจะกระจายไปสู่ปัตตานี ยะลา สตูล และจังหวัดอื่นต่อไปอีก ผล กระทบอีก 20 ปีข้างหน้ากับลูกหลานของคนเหล่านั้นครับ ผมคิดว่าความล้าหลังจากคุณภาพซึ่งผลที่เกิดขึ้นวันนี้นะครับ ถ้าเราไม่รับแก้ไขปัญหาสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ วัยรุ่นข้างหน้าเขายิ่งไม่ได้รับการเรียนรู้ เขายิ่งด้อยคุณภาพ ผลกระทบที่เกิดขึ้น สภาพเศรษฐกิจก็ดี สังคมก็ดี ผมเชื่อมั่นว่า โดยเฉพาะสภาพทางการเมืองนั้น ผู้คนเหล่านี้จะสร้างความรุนแรง หรือเกิดปัญหากับสังคมในระยะยาวต่อไป ผมขอกราบเรียนว่า เพื่อนสมาชิกในพรรคชาติไทยทั้งหมด ให้ความสนใจในปัญหานี้อย่างมาก กระผมขอกราบเรียนท่านประธานนะครับ ขณะนี้กลุ่มครูต่างๆ โดยเฉพาะ สมาพันธ์ครูภาคใต้เขาพยายามช่วยตัวเอง พยายามสู้ด้วยตัวเองนะครับ ในการที่จะปกป้องชีวิตเพื่อนครู แต่บางครั้งกลุ่มผู้นำเหล่านี้ต้องถูกสอบสวนบ้าง ต้องถูกระแวงจากราชการบ้างนะครับ ผมคิดว่าไม่มีความเป็นธรรมกับกลุ่มครูเหล่านี้เลย กระผมขอกราบเรียนเพื่อความรอบคอบต่อสภานี้เพื่อรัฐบาลจะได้รับทราบนะครับว่า การที่กลุ่มครูเหล่านี้ สมาพันธ์ครูร่วมกันต่อสู้เพื่อเพื่อนครูนั้น เขาต้องการชีวิตเพื่อความปลอดภัยในการประกอบอาชีพ แล้วได้ทำหน้าที่ความเป็นครูอย่างสมบูรณ์ เราเกิดปัญหาครั้งหนึ่งครับ ท่านประธานครับผู้คนผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็วิ่งกันไปดูนะครับ แล้วก็หายเงียบไป ครูถูกจับ ถูกเรียกค่าไถ่โรงเรียนถูกเผาซ้ำซาก ซ้ำแล้วซ้ำเล่านะครับ ผมคิดว่าขณะนี้ สภาแห่งนี้ควรให้ความสนใจ และรัฐบาลนี้แหละครับ รีบแก้ปัญหาอย่างรีบด่วนและถาวรครับ กระผมกับคณะก็ขอให้สภาแห่งนี้ได้พิจารณากันอย่างรองคอบ แล้วก็เสนอรัฐบาลแก้ไขเป็นการด่วน ขอขอบคุณมากครับ ”
หลังจาก นายเจริญ ภักดีวนิชย์ อภิปรายจบ นายปริญญา เจตาภิวัฒน์ ในฐานะผู้ยื่นญัตติคณะเดียวกันกับ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ เป็นผู้อภิปรายเป็นคนถัดไปดังนี้
ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร : ขอเชิญคุณปริญญาครับ
นายปริญญา เจตาภิวัฒน์ (นราธิวาส) “ท่านประธานที่เคารพ กระผมปริญญา เจตาภิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนราธิวาส พรรคเอกภาพ ผมขอขอบคุณอย่างสูงที่ท่านประธานให้โอกาสพูดเรื่องปัญหาครูปรีชาเพิ่มเติมจากที่ ส.ส. อารีเพ็ญ พูดแล้ว ท่านประธานที่เคารพ สภาพของครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรายอมรับได้ว่ามีวัฒนธรรมแตกต่างจากภาคอื่นๆ ดังนั้นรัฐบาลต้องตระหนักและยอมรับในสิ่งที่ความเป็นจริง ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สาเหตุสำคัญที่สุดคือกลไกของรัฐบางส่วนยังไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกรณีครูปรีชานี้ ถูกจับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2533 ถ้าหากกลไกของรัฐ สามารถใช้วิธีการที่นิ่มนวล ใช้วิธีการทางการเมืองที่ถูกต้องแล้ว ผมคิดว่าคงจะแก้ไขคลี่คลายได้รวดเร็วกว่านี้ ท่านประธานครับจากข้อมูลที่ผมและ ส.ส. เสนีย์ ส.ส. อารีเพ็ญ ได้ไปตรวจดูแล้ว ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ได้ทำงานด้วยความจริงจัง แต่มี เจ้าหน้าที่บางท่านใช้พฤติกรรมที่รุนแรง ใช้อำนาจเผด็จการขู่เข็ญชาวบ้านเพื่อที่จะแก้ปัญหาเรื่องครูปรีชา ปัญหานี้ถึงทำให้เกิดยืดเยื้อ ดังนั้นผมจึงพูดได้ว่า กลไกของรัฐมีส่วนที่ทำให้ปัญหานี้เรื้อรัง ดังนั้นผมจึงขอให้รัฐบาลช่วยพิจารณาเจ้าหน้าที่ที่จะไปปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอให้ส่งบุคคลที่มีความสามารถ มีความจริงใจและเข้าใจปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ท่านประธานที่เคารพ เนื่องจากระยะเริ่มแรกการแก้ปัญหาตามที่ผมเรียนมาแล้วข้างต้นเกิดขัดข้อง คือ ใช้ความรุนแรง เผด็จการ ใช้มาไม่รู้กี่สิบปีแล้วนะครับ ยังไม่ได้เปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่เลย หากรัฐบาลใช้วิธีการที่นิ่มนวลในการแก้ไขปัญหา ของครูปรีชา คงจะประสบผลสำเร็จในเร็วๆ นี้ ขอขอบคุณ “
อดีต รมช.กระทรวงศึกษาธิการ, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัยของจังหวัดนราธิวาส, ปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ และปริญญาโทสาขาบริหารรัฐกิจ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์