ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด กล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียไม่ใช่หุ้นส่วนที่เหมาะสมสำหรับมาเลเซียต่อการส่งเสริมทางสายกลาง (moderation) ในโลกมุสลิมและต่อต้านการก่อการร้าย “FMT” สื่อมาเลเซียรายงาน
อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเกิดขึ้นเฉพาะภายใต้เงื่อนไขว่า ประเทศนั้นๆ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในสงครามใดๆ และริยาดล้มเหลวในเรื่องนี้
“พันธมิตรควรจัดตั้งขึ้นร่วมกับประเทศที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงครามใดๆ ทว่าตอนนี้เราต้องการทำงานร่วมกับประเทศที่เห็นได้ชัดว่ามีส่วนร่วมในสงคราม”
“นั่นไม่เหมาะสม” ดร.มหาเธร์ กล่าว โดยอ้างถึงการแทรกแซงทางทหารของซาอุฯ ในเยเมนเพื่อต่อต้านกลุ่มกบฏฮูซีที่ในปี 2014 ได้โค่นล้มรัฐบาลกลางซึ่งซาอุฯ สนับสนุน
พลเรือนกว่า 10,000 คนเสียชีวิต และมีรายงานว่าประชาชนอีกกว่า 3 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นเนื่องจากความขัดแย้งนี้
สื่อมาเลเซียรายงานว่า มหาเธร์ ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิ เปอร์ดานา โกลบอล พีซ ( Perdana Global Peace Foundation) ให้ความเห็นดังกล่าวเมื่อวันเสาร์ (15 ก.ค.) ที่ผ่านมา เมื่อเขาถูกถามเรื่องที่รัฐบาลมาเลเซียตัดสินใจอนุมัติที่ดินในเมืองปุตราจายาจำนวน 16 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ เท่ากับ 6 ไร่ 1งาน) เพื่อสร้าง “ศูนย์กลางเพื่อสันติภาพ” (centre for peace) แห่งใหม่ที่นำพระนามของกษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุฯ มาตั้งชื่อศูนย์ฯ แห่งนี้
“FMT” ได้เคยรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “สันนิบาตมุสลิมโลก” (Muslim World League – MWL) ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างหนักจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบียเพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้านอิสลามของราชอาณาจักรซาอุฯ ทั่วโลกนั้นมีส่วน “เกี่ยวข้อง” กับศูนย์ใหม่นี้ด้วย
นานหลายทศวรรษแล้วที่องค์กร “สันนิบาตมุสลิมโลก” (หรือ “รอบีเฏาะฮ์” ในภาษาอาหรับ) ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของริยาดผ่านการตีพิมพ์เอกสารเกี่ยวกับอิสลาม และจัดหาเงินทุนให้แก่มัสยิดและศูนย์อิสลามต่างๆ จากเอเชียไปจรดยุโรป
รายงานล่าสุดจากกลุ่มนักคิดระดับคลังสมองของอังกฤษ (British think-tank) ได้เชื่อมโยง “สันนิบาตมุสลิมโลก” กับอุดมการณ์หัวรุนแรงที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มอัลกออิดะห์ ตอลิบาน และไอซิส
รายงานนี้ยังระบุด้วยว่า องค์กรเครือข่ายของ “สันนิบาตมุสลิมโลก” ที่ชื่อ “สมัชชาเยาวชนมุสลิมโลก” (World Assembly of Muslim Youth – WAMY) “มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการพัวพันกับการส่งเสริมกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรงสุดโต่งและเผยแพร่ข้อเขียนที่สร้างความเกลียดชัง”
การตัดสินใจนี้ของมาเลเซียยังทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อการร้ายที่อยู่ในวอชิงตันถึงกับมึนงง
ซาชารี อาบูซา (Zachary Abuza) ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยสงครามแห่งชาติ (National War College) และผู้เชี่ยวชาญด้านความขัดแย้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก จึงได้ร่วมมือกับริยาด
เขากล่าวว่า เป็นที่รู้จักดีว่าซาอุดีอาระเบียนั้นเป็นผู้แพร่กระจายแนวคิด “วะฮาบี” (Wahhabism) ซึ่งเขาอธิบายว่าเป็น “อิสลามเวอร์ชั่นถือทิฐิ”
“ชาวซาอุฯ ได้แพร่กระจายวะฮาบีไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากแนวทางอิสลามแบบชาฟีอี (Shafiite) ที่ประนีประนอมเปิดกว้างอย่างยิ่ง กลายไปสู่เวอร์ชั่นที่เข้มงวดอย่างมาก” อาบูซา กล่าวกับ FMT