RT – นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้เตือน “วลาดิเมียร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย ว่าอิสราเอลกำลังเตรียมที่จะเข้าไปแทรกแซงในซีเรียเพื่อต่อต้านอิทธิพลของอิหร่าน
ในการพบกันของสองผู้นำที่ที่เมืองตากอากาศ “โซชิ” (Sochi) ทางตอนใต้ของรัสเซีย เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (23 ส.ค.) เนทันยาฮูบอกกับปูตินว่า ข้อตกลงสันติภาพใดๆ ในกรณีประเทศซีเรียนั้น จะต้องให้มีการถอนกองกำลังอิหร่านทั้งหมดออกจากพื้นที่
“อิหร่านกำลังอยู่บนเส้นทางในการควบคุมอิรัก เยเมน และขอบเขตอันกว้างใหญ่ ซึ่งตอนนี้ในทางปฏิบัติได้ควบคุมเลบานอนแล้ว” รอยเตอร์อ้างคำพูดของเนทันยาฮู และเขายังกล่าวด้วยว่า “เราไม่สามารถลืมได้แม้เพียงนาทีเดียวว่า อิหร่านขู่จะทำลายล้างอิสราเอลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”
“อิสราเอลต่อต้านการตั้งฐานที่มั่นอยู่เรื่อยไปของอิหร่านในซีเรีย มั่นใจได้ว่าเราจะปกป้องตัวเองด้วยทุกวิธีการเพื่อต้านเรื่องนี้และภัยคุกคามใดๆ”
อิหร่านสนับสนุน บาชาร์ อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย ในสงครามกลางเมืองที่กลืนกินประเทศนี้มาหกปีแล้ว อิสราเอลถือว่า “ฮิซบุลเลาะห์” กลุ่มนักรบชีอะห์แห่งเลบานอน จะเป็นมากยิ่งกว่าตัวแทนของเตหะราน และกลัวว่าชัยชนะของรัฐบาลซีเรียจะนำมาซึ่งอิทธิพลของอิหร่านที่ขยายต่อไปจรดยังชายแดนของตน และทำให้เตหะรานสามารถเข้าถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้
อิสราเอลถือว่าอิหร่านเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อความมั่นคงของประเทศยิ่งกว่าไอซิสเสียอีก
นายเนทันยาฮูกล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะคิดว่าภายในระยะเวลาหนึ่งไอซิสจะสูญเสียฐานที่มั่นในซีเรีย” ฮาอาเร็ตซ์สื่ออิสราเอลรายงานอ้างคำพูดของเขา “เป็นโอกาสที่ดีกว่ามากในการตัดสงครามกลางเมืองระยะสั้นในปัจจุบัน และป้องกันสงครามในอนาคตหากอิหร่านไม่ได้อยู่ในซีเรีย”
“ผมชี้แจงชัดเจนต่อปูตินว่า การที่อิหร่านสถาปนาตัวเองขึ้นมาในซีเรียจะไม่ช่วยเรื่องเสถียรภาพในภูมิภาคนี้ และผมก็บอกกับเขาว่า เราต้องการที่จะป้องกันสงครามในอนาคต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเตือนล่วงหน้า”
เจ้าหน้าที่ทางการอิสราเอลอาจกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการปรากฏตัวของอิหร่านใกล้กับพื้นที่ราบสูงโกลันซึ่งเป็นเขตแดนพิพาทระหว่างอิสราเอลและซีเรีย โดยดินแดนส่วนหนึ่งตกอยู่ในการยึดครองของอิสราเอล ในเดือนกรกฎาคมกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) เปิดฉากยิงโจมตีใส่ซีเรียเพื่อตอบโต้กรณีกระสุนปืนใหญ่สองลูกถูกยิงหลงไปในฝั่งที่อิสราเอลอ้างสิทธิ์
กองทัพอากาศอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่องในอาณาเขตของซีเรียนับตั้งแต่สงครามได้ปะทุขึ้นในประเทศนี้ ในเดือนกรกฎาคมมีรายงานว่าอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศหลายสิบครั้งในซีเรีย โดยอ้างว่าเป้าหมายเพื่อโจมตีขบวนรถขนอาวุธของฮิซบุลเลาะห์ ในเรื่องนี้นายเนทันยาฮูได้ยอมรับระหว่างการประชุมกับนายกรัฐมนตรีฮังการี สาธารณรัฐเช็ก โปแลนด์ และสโลวะเกีย
“เราสร้างกำแพงเพราะมีปัญหากับไอซิสและอิหร่านซึ่งพยายามสร้างแนวรบก่อการร้าย [ในที่ราบสูงโกลัน] ผมบอกปูติน เมื่อเราเห็นพวกเขาขนย้ายอาวุธไปให้ฮิซบุลเลาะห์ เราจะโจมตีพวกเขา เราทำมันหลายสิบครั้ง” นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวในเวลานั้น หมายถึงการประชุมก่อนหน้านี้กับประธานาธิบดีรัสเซีย
ในเดือนเมษายนรอยเตอร์รายงานว่าอิสราเอลได้โจมตี “ศูนย์กลางการจัดหาอาวุธ” ที่ตั้งอยู่ใกล้สนามบินดามัสกัสซึ่งเป็นคลังอาวุธยุทธภัณฑ์และกระสุนที่มาจากอิหร่านทั้งในลักษณะ “เครื่องบินบรรทุกสินค้าเชิงพาณิชย์และการทหาร”
ในเดือนมีนาคมกระทรวงต่างประเทศรัสเซียได้เรียกเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำกรุงมอสโกเข้าพบ เพื่อขอคำอธิบายเกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลใกล้กับเมืองพัลไมรา (Palmyra) ของซีเรีย หลังจากเครื่องบินรบของอิสราเอลได้เข้าโจมตีเป้าหมายหลายแห่งในเมืองโบราณซึ่งอ้างว่าเพื่อทำลายอาวุธชั้นสูงของฮิซบุลเลาะห์
ในเดือนมกราคมดามัสกัสกล่าวหาว่าเทลอาวีฟทิ้งระเบิดโจมตีสนามบินทหารเมซเซะห์ (Mezzeh) ซึ่งตั้งอยู่ทางทางฝั่งตะวันตกของเมืองหลวง
ในทางเปิดเผยปูตินยังไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดต่อความคิดเห็นของเนทันยาฮูเกี่ยวกับบทบาทของอิหร่าน ซึ่งมอสโกถือว่าอิสราเอลเป็นพันธมิตรในกรณีการจัดตั้งเขตห้ามบินในซีเรีย
อย่างไรก็ตามเมื่อวันอังคาร (22 ส.ค.) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศอิสราเอล อเล็กซานเดอร์ เปโตรวิช เชน (Alexander Petrovich Shein) กล่าวว่า รัสเซียจะช่วยรักษาผลประโยชน์ของอิสราเอลให้ เมื่อต้องตกลงกับซีเรีย
“เรานำเอาเรื่องผลประโยชน์ของอิสราเอลในซีเรียเข้ามาอยู่ในบัญชีแล้ว” อเล็กซานเดอร์ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 1 “ถ้าหากมันขึ้นอยู่กับรัสเซีย ก็จะต้องไม่มีกองทัพต่างชาติในซีเรีย”
ในขณะเดียวกันนั้น รัสเซียก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของบทบาทที่อิหร่านเล่นในซีเรีย รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย นายเซอร์เก ลารอฟ ได้ยกย่องเป็นพิเศษต่อความร่วมมือไตรภาคี ระหว่าง รัสเซีย อิหร่าน และตุรกี ว่าเป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดในการแก้ไขปัญหาวิกฤติซีเรีย
หลังการประชุมที่ “โซชิ” เนทันยาฮูเดินทางกลับมายังอิสราเอลเพื่อจะพบกับลูกเขยของโดนัลด์ทรัมป์ นายจาเร็ด คุชเนอร์ เพื่อหารือเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพของปาเลสไตน์-อิสราเอล