ถ้าพูดถึงอาหาร Arabian บ้านเราอาจจะหารับประทานได้ไม่ยากนัก เพราะประเทศไทยถือว่ามีชาวมุสลิมอยู่ไม่น้อย แต่อาหาร Arabian ที่เป็น Artisan Food (อาติซาน ฟู๊ด) คงมีไม่กี่ที่ในเมืองไทย
Artisan Food เป็นเทรนด์ใหม่ ที่เริ่มเป็นที่นิยมในวงการอาหารในบ้านเราตอนนี้ “อาติซาน” นั้นเกี่ยวข้องกับการปรุงอย่างละเมียดละไม ประหนึ่งงานศิลปะ งานฝีมือของช่าง Artisan หรือ Artisanal ก็เป็นคําเก่าแก่ที่นำมาบวกกับ Food จนเกิดนิยามใหม่ ของคําว่า อาหารที่ปรุงขึ้นอย่างประณีต บรรจงดั่งงานศิลปะ ซึ่งเป็นอาหาร หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ปรุงด้วยวิธีการดั้งเดิม ไม่พึ่งพิงเทคโนโลยีอาหารเชิงอุตสาหกรรม ไม่ใช้สารเคมีในการปรุงเพิ่มเติม ใช้วัตถุดิบสดใหม่ ซึ่งจากเมนูอาหารที่ปรุงขึ้นมานี้ จะมีความประณีตและช่วยให้อาหารดูมีคุณค่าในเชิงศิลปะเพิ่มมากขึ้น แถมยังทําให้วิถีชีวิตคนเมืองดูดีมีสไตล์มากขึ้นอีกด้วย
“อภิรัคค์ มานะเฝ้า” (อับดุลรอซิส) Executive Chef แห่งโรงแรมอัล มีรอซ (Al Meroz Hotel) เล่าให้ฟังถึงคอนเซ็ปต์ของห้องอาหารบารากัตว่า นอกจากรูปแบบอาหารของที่นี่จะเป็นแบบอาติซานฟู๊ดแล้ว ในการให้บริการของบารากัตยังเป็นแบบครัวเปิด ทำให้ผู้ที่มารับประทานอาหารรู้สึกถึงกลิ่นสัมผัสของอาหารที่เย้ายวนใจ ช่วยปลุกรสสัมผัสให้รู้สึกเจริญอาหาร
เชฟอภิรัคค์ ยังได้นำเสนอเมนูอาหารที่ถือว่าเป็น Signature Dishes ของทางร้านที่เรียกได้ว่าถ้ามาแล้วไม่สั่งถือว่ามาไม่ถึง คือ LOBSTER BIRYANI (ข้าวหมกล็อบสเตอร์) ข้าวบรียานี่ คือข้าวหมกเครื่องเทศชนิดพิเศษโดยเฉพาะที่ครัวบารากัต
“เราจะใช้ข้าวบัสมาตีแทนที่จะใช้ข้าวหอมมะลิแบบไทยเพื่อให้ได้สัมผัสถึงกลิ่นไอของอาหาร ตะวันออกกลาง โดยลักษณะของข้าวบัสมาตีจะเม็ดเล็กเรียวกว่า และจะมีความมันเฉพาะของข้าวบัสมาตี ซึ่งทำให้เกิดความแตกต่าง เข้ากันได้ดีกับเครื่องเทศที่คัดสรรมาอย่างดี ล็อบสเตอร์ตัวใหญ่เต็มปากเต็มคำ เมนูนี้ถือเป็นสูตรเฉพาะของ ห้องอาหารบารากัต โรงแรมอัล มีรอซ เลยทีเดียว”
นอกจากนี้ห้องอาหารบารากัตยังมีเมนูเด็ดๆ แนะนำอีกหลากหลาย อาทิ AL MEROZ MIX GRILLED PLATTER หรือเนื้อสัตว์รวมย่างสไตล์เลบานีส GRILLED NEWZEALAND RACK OF LAMB (ซี่โครงแกะย่างเครื่องเทศ) ซึ่งเป็นซี่โครงแกะนิวซีแลนด์ Slow cook ผ่านเครื่อง Sous Vied จนได้รสสัมผัสที่นุ่มลิ้น ไม่แห้งเหมือนซี่โครงย่างทั่วไป เมนูเรียกน้ำย่อยก็จะมี “ตาบูเล่สลัด” หรือสลัดเลบานิสก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี เป็นการผสมคูสคูสกับพาสลี่ปรุงรสด้วยน้ำมันมะกอกเกลือและมะเขือเทศ สำหรับของหวานที่นี่ก็ถือเป็นอีกเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ BAKLAVA WITH PISTACHIO ICE CREAM (บัคลาวาพิสตาชิโอกับไอศกรีม)
นอกจากห้องอาหารบารากัต ที่เน้นอาหารอาราเบียนแบบอาติซานฟู๊ดแล้ว อัล มีรอซ ยังมีห้องอาหารดีวาน (DIWAN) ที่ให้บริการทั้งแบบบุฟเฟ่ต์ และตามสั่ง (A La Carte) กับอารมณ์นานาชาติ ทั้งไทย จีน ยุโรป ญี่ปุ่น ที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถันโดยเชฟที่มีประสบการณ์ความชำนาญ ด้วยคอนเซ็ปต์ Modern Rustic Style เป็นสไตล์การปรุงอาหารด้วยความเอาใจใส่ เหมือนคุณยาย หรือคุณแม่ทำให้ลูกหลานที่รักรับประทาน โดยเริ่มตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพนำมาปรุงด้วยความเอาใจใส่ด้วยความรักที่มีต่อลูกหลาน นอกจากนี้ทางห้องอาหารดีวานจึงขอแนะนำอาหารร่วมสมัยที่มีการหยิบจับเอา Rustic material cooking method มาเพิ่มเสน่ห์ในการตกแต่ง ให้เกิดความหลากหลายอีกด้วย และสำหรับ เมนูห้ามพลาดของห้องอาหารดีวานก็มีอย่าง AL MEROZ ULTIMATE BURGER (อัลมีรอซ อัลติเมท เบอร์เกอร์) ความพิเศษของอัลมีรอซ อัลติเมท เบอร์เกอร์อยู่ที่ขนมปังบันให้เลือกแบบหลากหลายไม่ว่าจะเป็น RED VELVET BUNS, CHARCOAL BUNS, RUSTIC BUNS นอกจากนี้ยังคัดเนื้อวัวชนิดพิเศษเกรดพรีเมี่ยม ราดด้วยซอสแม็กม่าชีสแบบมหาศาลเอาใจคนรักชีส และเข้ากันได้ดีกับซอสสุดซี๊ดซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน
นอกจากนี้ห้องอาหารดีวาน ยังมีเมนูอีกหลายชนิด อาทิ SPAGHETTI TIGER PRAWN เป็นสปาเก็ตตี้กับกุ้งลายเสือคัดพิเศษ ผัดพริกกระเทียมที่รสชาติลงตัว อีกเมนูที่ห้ามพลาดคือ MASSAMAN LAMB SHANK เป็นแกงมัสมั่นขาแกะนิวซีแลนด์ที่สร้างชื่ออันดับโลกให้กับโรงแรม อัล มีรอซ รสสัมผัสของขาแกะจะนุ่มละมุนลิ้นและค่อยๆ ละลายในปาก แถมท้ายด้วยของหวานคือไอศกรีมนมแพะที่หอมหวานและเข้มข้น
ใครชอบอาหารสไตล์ไหนก็ลองมาสัมผัสรสชาติได้ที่โรงแรมอัล มีรอซ รับรองความประทับใจ ที่ไม่รู้ลืม เชฟอภิรัคค์ หรือเชฟอับดุลรอซิส บอกว่า “เรามีวัตถุดิบอันมีค่า ดังนั้นผมจึงรังสรรค์วัตถุดิบนั้นให้เป็นอาหารอันเลิศรส” ฉะนั้นจึงเชื่อได้ว่ามาตรฐานของทั้ง 2 ห้องอาหารในโรงแรมอัล มีรอซจะถูกปรุงแต่งด้วยความปราณีตอย่างแน่นอน