นายเมเอียร์ ชโลโม เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยย้ำ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสันติภาพ ตราบที่เยรูซาเล็มไม่ใช่เมืองหลวงของยิว ปาเลสไตน์ไม่ยอมรับความจริงข้อนี้จึงทำให้สันติภาพไม่อาจเกิดขึ้นได้
เมื่อวันศุกร์ (8 ธ.ค.) ที่ผ่านมา นายเมเอียร์ ชโลโม เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับนายสุทธิชัย หยุ่น ทางเฟสบุ๊คในรายการ “Suthichai Live” ในประเด็นที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รับรองให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
ต่อประเด็นที่นายสุทธิชัยตั้งคำถามว่า นักวิเคราะห์มองว่าการตัดสินใจนี้ของโดนัลด์ ทรัมป์เท่ากับทำลายกระบวนการสันติภาพนั้น นายเมเอียร์ ชโลโมกล่าวว่า โลกอาหรับส่วนใหญ่ไม่ได้มีปฏิกิริยารุนแรงต่อการประกาศของทรัมป์ เขาระบุว่าโลกอาหรับค่อนข้างจะเป็นสายกลาง ยกเว้นแค่บางประเทศ เช่น ปาเลสไตน์ กาตาร์
นอกจากนั้นทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยได้ยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสันติภาพ ตราบที่เยรูซาเล็มไม่ใช่เมืองหลวงของยิว เขายังบอกว่า “ปาเลสไตน์ไม่ยอมรับความจริงข้อนี้จึงทำให้สันติภาพไม่อาจเกิดขึ้นได้”
สำหรับประเด็นกระบวนการสันติภาพจะดำเนินต่อไปได้หรือไม่ในเมื่อชาวปาเลสไตน์ไม่ยอมรับการตัดสินของทรัมป์นั้น ทูตอิสราเอลระบุว่า ผู้นำปาเลสไตน์ไม่ยอมพูดความจริงกับชาวปาเลสไตน์ กับประชาชนของตน ว่าอิสราเอลได้เคยเสนอทางออกมาหลายปี แต่ผู้นำปาเลสไตน์ไม่ยอมรับ ซึ่งนี่เป็นปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถบรรลุสันติภาพได้ ไม่ใช่ประเด็นที่เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งเรื่องนี้อิสราเอลก็ยืนยันมาตลอดว่าเยรูซาเล็มนั้นเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ไม่มีทางอื่น
ในส่วนของนโยบายการยอมรับในความเป็นรัฐของทั้งสองฝ่าย หรือ “ทางแก้ 2 รัฐ” (two-state solution) ล้มเหลวหรือไม่หลังทรัมป์รับรองให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอลซึ่งนายสุทธิชัย หยุ่นตั้งคำถามนั้น ทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยบอกว่า 2 รัฐยังอยู่เคียงคู่กันได้ เพียงแต่ว่า ผู้นำปาเลสไตน์ไม่ยอมประนีประนอมอ่อนข้อ ยังยืนกรานมาตลอดว่าจะต้องมีการแบ่งเยรูซาเล็มเป็น 2 ส่วน ครึ่งหนึ่งเป็นของปาเลสไตน์ และอีกครึ่งเป็นของอิสราเอล ซึ่งทูตอิสราเอลย้ำว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะอิสราเอลยืนยันว่า เยรูซาเล็มต้องเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลแต่เพียงผู้เดียว
นอกจากนั้นทูตยิวยังย้ำว่า เยรูซาเล็มเป็นของอิสราเอลมานานกว่า 3 พันปี ซึ่งฝ่ายปาเลสไตน์ต้องยอมรับความจริงว่าเยรูซาเล็มไม่ใช่เป็นของปาเลสไตน์
ฟังคลิปฉบับเต็ม :
ขอบคุณ/ที่มาคลิปจาก https://www.facebook.com/suthichai.yoon