ชุมชนชาวยาซิดีของอิรักฉลองการบูรณะโบสถ์ในบาชิก้า (Bashiqa) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 68 โบสถ์ของชนกลุ่มน้อยที่ถูกทำลายโดยกลุ่มก่อการร้ายไอซิส
เมื่อวันศุกร์ (12 ม.ค.61) ชุมชนยาซิดี (Yazidi) ทางตอนเหนือของอิรักที่เคยประสบหายนะอันน่าสยดสยองภายใต้การประหัตประหารกลุ่มไอซิส ได้มีการเฉลิมฉลองเปิดวิหารที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วยเสียงกลองและขลุ่ยแบบดั้งเดิมตามประเพณีของชาวยาซิดี เว็บไซต์เดอะนิวอาหรับรายงาน
ภายใต้โดมทรงกรวยหินขัด ผู้ชายและหญิงชาวยาซิดีหลายร้อยคนได้มารวมตัวกัน ที่แห่งนี้เคยถูกนับรบไอซิสถล่มในปี 2014
โบสถ์แห่งบาชิก้า เป็นหนึ่งใน 68 โบสถ์ของชนกลุ่มน้อยยาซิดีที่ถูกทำลายโดยกลุ่มก่อการร้ายไอซิส เจ้าหน้าที่ทางการบอกว่า โบสถ์นี้เป็นหนึ่งใน 23 โบสถ์ในภูมิภาคที่จะได้รับการบูรณะ
ชาวอิรักยาซิดี พูดภาษาเคิร์ด พวกเขายึดมั่นในความเชื่อที่กำเนิดในดินแดนเมโสโปเตเมียมานานกว่า 4,000 ปีแล้ว รากฐานของความเชื่อศรัทธานี้มาจากศาสนาโซโรเอสเตอร์ แต่มีองค์ประกอบรวมกันของศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์อยู่ด้วย
ชาวยาซิดีอธิษฐานต่อพระเจ้าโดยหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์และสักการะเจ็ดเทวทูตของตน – ที่สำคัญที่สุดคือ “Melek Taus” หรือเทวทูตนกยูง
ชุมชนชาวอิรักยาซิดีในอิรักมีประชากรประมาณ 550,000 คน ก่อนที่จะกระจัดกระจายหลังถูกตามประหัตประหารโดยไอซิส
ชาวมุสลิมสุดโต่งถือว่านกยูงเป็นรูปปิศาจ และกล่าวถึงชาวยาซิดีว่าเป็นผู้นับถือภูติผี
ผู้ก่อการร้ายได้ฆ่าชาวยาซิดีหลายพันคนในปี 2014 และได้ลักพาตัวสตรีและเด็กหญิงยาซิดีหลายพันคนเพื่อนำพวกเขาไปเป็นทาสบำเรอทางเพศ
รายงานของกระทรวงศาสนาเขตปกครองพิเศษเคอร์ดิสถาน อิรัก ระบุว่า มีชาวยาซิดี 360,000 คนที่กลายเป็นผู้พลัดถิ่นจากการสู้รบ โดยในจำนวนนี้ 100,000 คนได้หลบหนีออกนอกประเทศ
จากชาวยาซิดี 6,417 คนที่มีรายงานว่าถูกลักพาตัวโดยญิฮาดิสต์สุดโต่ง ในจำนวนนี้มีเพียง 3,207 คน ที่ถูกช่วยเหลือหรือหลบหนีออกมาได้ กระทรวงศาสนากล่าวว่า ครึ่งหนึ่งของผู้ที่ยังหายไปคือสตรีและเด็กหญิง
กระทรวงศาสนาระบุด้วยว่า มีการค้นพบหลุมฝังศพจำนวน 75 ศพซึ่งเป็นชาวยาซิดีที่ถูกสังหารหมู่โดยไอซิส
นักวิจัยของสหประชาชาติกล่าวว่า การโจมตีของไอซิสต่อชาวยาซิดีเป็นความพยายามที่จะทำลายล้างชุมชนนี้ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
พิธีเฉลิมฉลองซึ่งจัดขึ้นในวันศุกร์ที่โบสถ์ในพื้นที่บาชิก้าซึ่งอยู่ห่างประมาณ 15 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกของโมซูล เมืองใหญ่อันดับสองของอิรัก ถือเป็นนัยยะที่แสดงถึงการฟื้นกลับมาของชุมชนและทั้งมีนัยยะถึงการต่อต้านกลุ่มสุดโต่ง
“พิธีนี้แสดงให้เห็นว่าวิถีชีวิตได้กลับคืนมาดั่งเดิมแม้จะมีผู้ก่อการร้ายไอซิสและการโจมตีที่กระหายเลือดของมัน” น.ส.จิฮาน ซินาน (Jihan Sinan) วัย 21 กล่าว
ในพิธีเฉลิมฉลองนี้อาหารแบบดั้งเดิมและของหวานถูกแจกจ่ายแก่กัน และมีการเต้นรำกับเพลงที่มีเสียงขลุ่ยแบบดั้งเดิม
ผู้นำศาสนายาซิดี อาลี ราชวาการี (Ali Rashwakari) วัย 72 ปีเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศช่วยเหลือในการ”บูรณะโบสถ์และดินแดนของชาวยาซิดี” ในอิรัก