รัสเซียแดกดันสหรัฐฯ อาจขายระบบ S-400 ให้ หากชาวอเมริกันรู้สึกไม่ปลอดภัย

ระบบป้องกันทางอากาศ S-400 ของรัสเซีย © RIA Novosti via / Reuters

ประธานบริษัทอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของรัสเซีย (Rostec) กล่าวว่า มอสโกพร้อมที่จะขายระบบป้องกันทางอากาศ S-400 ให้กับประเทศใดๆ ที่รู้สึกไม่ปลอดภัยและต้องการที่จะปิดผนึกน่านฟ้าของตน ซึ่งรวมทั้งสหรัฐฯ ด้วยหากต้องการ อาร์ทีสื่อรัสเซียรายงาน

ก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา มอสโกได้ตกลงที่จะจัดหาระบบป้องกันทางอากาศ S-400 ให้กับอังการา ทำให้ตุรกีเป็นประเทศแรกที่เป็นสมาชิกของนาโต้ซึ่งจะผสานเทคโนโลยีของรัสเซียเข้ากับโครงสร้างการป้องกันของนาโต้ เมื่อมีการส่งมอบสินค้านี้ที่มีมูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญ

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (7 ก.พ.60) นายเซอร์เก เคเมซอฟ (Sergey Chemezov) ประธานบริษัทอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของรัสเซีย (Rostec) บอกว่าพร้อมจะขาย S-400 Triumf หรือที่นาโต้รู้จักในชื่อ SA-21 Growler ให้กับเพนตากอน

“S-400 ไม่ใช่ระบบรุกราน มันเป็นระบบการป้องกัน เราสามารถขายให้ชาวอเมริกันได้เช่นกันหากพวกเขาต้องการ” เคเมซอฟกล่าวกับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) เมื่อถูกถามถึงเหตุผลด้านยุทธ์ศาสตร์หลังการขาย S-400 ให้กับตุรกี

S-400 ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยสำนักออกแบบกลาง “อัลมาซ” (Almaz Central Design Bureau) ของรัสเซีย ได้เข้าประจำการในกองทัพรัสเซียตั้งแต่ปีพ.ศ.2550 ระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศซึ่งใช้ขีปนาวุธ 4 ลำกล้องสามารถโจมตีเป้าหมายได้ไกล 40-400 กม. การติดตั้งระบบ S-400 ให้กับซีเรียถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของการต่อต้านไอซิสของรัสเซียที่ประสบความสำเร็จ

ในขณะที่สำนักออกแบบกลางอัลมาซ กำลังพัฒนาระบบ S-500 คำสั่งซื้อต่างประเทศเพื่อซื้อ S-400 ก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ขณะนี้จีนและตุรกีกำลังรอการส่งมอบสินค้า ส่วนอินเดีย กาตาร์ และซาอุดีอาระเบียก็กำลังเจรจาซื้อฮาร์ดแวร์ทางทหารของรัสเซีย

ความต้องการที่เพิ่มขึ้นกล่าวได้ว่ามาจากความน่าเชื่อถือสูงและประวัติอันยาวนานของระบบป้องกันขีปนาวุธ S-200 ในตระกูลนี้ ซึ่งได้รับการออกแบบโดย Almaz ในทศวรรษที่ 1960 ยังคงประจำการอยู่ในหลายประเทศในปัจจุบัน

ในวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ (10 พ.ย.60) ขีปนาวุธพื้นสู่อากาศระดับปานกลางถึงสูง (S-200 Vega medium-to-high altitude surface-to-air missile) ซึ่งประจำการในกองทัพของซีเรียก็นัยว่าถูกยิงเพื่อสกัดกั้น F-16 ของอิสราเอลจนร่วง 1 ลำ

“เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองในโลกมีความตึงเครียด ทุกประเทศพยายามที่จะรักษาความปลอดภัยของตน และแน่นอนเพื่อให้มั่นใจว่าน่านฟ้าของตนมีความปลอดภัย นั่นคือเหตุผลที่ความต้องการใช้ระบบป้องกันขีปนาวุธอยู่ในระดับสูง” เคเมซอฟ กล่าวกับ WSJ ในการสัมภาษณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ “หลายประเทศต้องการซื้อระบบดังกล่าวและเรามีคำสั่งซื้อมากมาย ผมไม่ได้บอกว่าเราไม่ได้แข่งขันกับชาวอเมริกัน – แน่นอนเราทำ แต่ตามข้อมูลของผม ระบบของเราดีกว่า”

คู่แข่งโดยตรงของ S-400 ก็คือระบบขีปนาวุธพื้นผิวสู่อากาศ “แพทริอต” (Patriot) ของอเมริกัน แต่ระบบของรัสเซียสามารถตรวจจับเป้าหมายทางอากาศในระยะ 600 กม. และชนได้ที่ 400 กม. ขณะที่แพทริออตของสหรัฐฯ มีระยะทาง 180 กม. และ 130 กม. ตามลำดับ ความเร็วของเป้าหมายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ S-400 สามารถยิงได้ถึง 17,280 กม. / ชม. ในขณะที่แพทริออตสามารถทำได้เพียง 7,920 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ในขณะที่ทั้งสองระบบมีความเร็วในการตอบสนองที่คล้ายกันไม่ถึง 10 วินาที แต่ S-400 สามารถใช้งานได้เร็วกว่าจากการเดินทางไปยังโหมดต่อสู้ในเวลาประมาณ 5 นาที ขณะที่แพทริออตใช้เวลา 25 นาที

ด้วยเหตุนี้ เคเมซอฟจึงพูดในลักษณะค่อนข้างแดกดันสหรัฐ โดยเสนอทางเลือกระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซียให้กับสหรัฐฯ