“ดร.ฟาดี อัล-บาทาช” วิศกรไฟฟ้าและสมาชิกของกลุ่ม “ฮามาส” ขบวนการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ ถูกลอบสังหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ช่วงเช้าตรู่ระหว่างกลับจากละหมาดที่มัสยิด เมื่อวันเสาร์ ที่ 21 เม.ย. 61 ที่ผ่านมา
ดร.ฟาดี อัล-บาทาช (Fadi Al-Batsh) วัย 35 ปี เป็นชาวปาเลสไตน์จากเมือง จาบาลียา ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ปาเลสไตน์
เขาได้รับปริญญาตรี และปริญญาโท ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยอิสลามแห่งกาซา ปาเลสไตน์ ในปี พ. ศ. 2549 และ 2552 ตามลำดับ และได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยมาลายา กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียในปี พ.ศ. 2558
ก่อนถูกลอบสังหารเขาดำรงตำแหน่งอาจารย์อาวุโสสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า สถาบันอังกฤษมาเลเซีย (British Malaysian Institute) มหาวิทยาลัยกัวลาลัมเปอร์ (UniKL)
ดร.ฟาดีมีส่วนร่วมมากมายในการวิจัยต่างๆ ทั้งในฐานะนักวิจัยหลักและนักวิจัยร่วม เขาเป็นนักเขียนและผู้ร่วมเขียนผลงานวิจัยมากกว่า 25 ชิ้นในวารสารระดับนานาชาติที่เกี่ยวกับระบบพลังงานและพลังงานอิเล็กทรอนิกส์ ผลงานวิจัยของเขา ได้แก่ อุปกรณ์ FACTS, เครื่องแปลงพลังงาน, เครื่องควบคุมคุณภาพพลังงาน, พลังงาน ไมโครกริด และพลังงานทดแทน
ดร.ฟาดี อาศัยอยู่ในมาเลเซียมานานกว่า 10 แล้ว พร้อมกับภรรยาและลูก 3 คน อายุ 1 ขวบ 5 ปี และ 6 ปี
ดร.ฟาดี อัล-บาทาช เป็นสมาชิกของ “ฮามาส” ขบวนการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งปาเลสไตน์เพื่อต่อต้านการยึดครองของไซออนิสต์ ฮามาสยังเป็นรัฐบาลของปาเลสไตน์บริหารพื้นที่ฉนวนกาซาในขณะนี้
ฮาเซ็ม กอซเซ็ม โฆษกของฮามาส ยืนยันว่าเขาเป็นสมาชิกของฮามาส ในแถลงการณ์ผ่านทวิตเตอร์ ฮามาสกล่าวถึงดร.ฟาดีว่าเป็น “นักวิชาการรุ่นใหม่แห่งปาเลสไตน์” และกล่าวว่าเขาเป็น “นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงซึ่งมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในภาคพลังงาน”
นอกจากนั้นเขายังเป็น “ลูกพี่ลูกน้อง” กับ คาลิด อัลบาทาช ผู้นำระดับสูงของ “อิสลามิกญิฮาด” ขบวนการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ ที่มีชื่อเสียงอันดับสองรองจากฮามาสอีกด้วย
นอกจากจะมีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมไฟฟ้าแล้ว เขายังเป็นอีหม่ามของมัสยิดแห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์
เหตุการณ์ลอบสังหารเขาเกิดขึ้นในเช้าตรู่ของวันเสาร์ ที่ 21 เม.ย. 61 โดยมือปืน 2 รายได้ขับรถจักรยานยนต์มาดักรอเขาถึง 20 นาที จนเมื่อเขาออกจากมัสยิดจึงได้ลงมือยิงกว่า 10 นัดเข้าที่ศีรษะและลำตัวจนเสียชีวิต
เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำประเทศมาเลเซีย “อันวาร์ อัลอากา” กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ตามคำบอกเล่าของพยาน ผู้ต้องสงสัยมีลักษณะเป็นชาวยุโรป
ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย “อะหมัด ซาฮิด ฮามีดี” กล่าวว่าผู้ต้องสงสัยคาดว่าเป็นชาวยุโรปที่มีการเชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองของต่างประเทศ เบอร์นามาสื่อรัฐบาลมาเลเซียรายงาน
เขายังระบุด้วยว่า เหยื่อที่ถูกลอบสังหารมีการเชื่อมโยงกับหน่วยสืบราชการลับต่างชาติ และมีบทบาทในองค์กรพัฒนาเอกชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ พร้อมทั้งอธิบายว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและการสร้างจรวด
อะหมัด ซาฮิด ฮามีดี รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยกล่าวด้วยว่า การลอบสังหารครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นฝีมือของประเทศที่เป็นศัตรูกับปาเลสไตน์
“มอสสาด” หน่วยข่าวกรองของอิสราเอล ถูกระบุจากครอบครัวของดร.ฟาดี อัล-บาทาช ว่าเป็นผู้ลงมือลอบสังหารในครั้งนี้
“เราขอกล่าวโทษว่ามอสสาดของอิสราเอลว่าได้ลอบสังหารลูกชายของเราซึ่งเป็นนักวิจัยด้านพลังงาน ฟาดีมีกำหนดจะบินไปยังตุรกีเพื่อเป็นประธานการประชุมระหว่างประเทศเกี่ยวกับพลังงาน” แถลงการณ์จากครอบครัวอัลบาทาช ตามรายงานของนิวสเตรทไทมส์ที่อ้าง “ซาฟา” เว็บไซต์ข่าวของปาเลสไตน์ที่ตั้งสำนักงานอยู่ในกาซา
ในการให้สัมภาษณ์กับเครือข่ายโทรทัศน์อัลมิยาดิน คาลิด อัลบาทาช เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ “อิสลามญิฮาด” และลูกพี่ลูกน้องของดร.ฟาดีก็กล่าวเช่นกันว่า “มอสสาด” ของอิสราเอลเป็นผู้ลอบสังหารวิศวกรชาวปาเลสไตน์ในครั้งนี้ เขาได้เรียกร้องให้ “เจ้าหน้าที่มาเลเซียดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียดและรวดเร็วเพื่อป้องกันการหลบหนีของมือสังหาร”
ด้านผู้นำปีกการเมืองของฮามาส “อิสมาอีล ฮานีเยะห์” ก็กล่าวหาว่า “มอสสาด” ว่าเป็นผู้ลงมือสังหาร เว็บไซต์ของฮามาสระบุ
หัวหน้ากลุ่มฮามาสกล่าวว่า “เราได้ส่งผู้แทนอาวุโสไปประชุมกับเจ้าหน้าที่มาเลเซียและติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับอาชญากรรมนี้อย่างใกล้ชิด”
ไทมส์ออฟอิสราเอลก็รายงานคำพูดของเขาที่ประกาศว่าจะแก้แค้น “อาชญากรรมที่น่าอับอายและน่าสยดสยองนี้ไม่พ้นมอสสาด นี่จะเป็นบัญชีที่ยุ่งเหยิงระหว่างเราและมัน” อิสมาอีล ฮานีเยะห์ กล่าว “เราไม่อาจเพิกเฉยต่อเลือดของลูกหลาน เยาวชน และนักวิชาการของเรา”
รัฐบาลอิสราเอลยังไม่มีความคิดเห็นใดต่อเรื่องนี้
แต่อิสราเอลนั้นมีประวัติที่ยาวนานในการลอบสังหารบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นศัตรูของตนทั่วโลก
เชื่อกันว่ามอสสาดได้ลอบสังหารแกนนำขบวนการต่อสู้และนักวิทยาศาสตร์ของชาวปาเลสไตน์มาแล้วหลายคนในอดีต แม้ไม่เคยมีการยืนยันการดำเนินการดังกล่าว
การลอบสังหารนายโมฮัมเหม็ด ซูอารี ผู้เชี่ยวชาญโดรนของฮามาส ที่ประเทศตูนิเซียในปี พ.ศ. 2559 รวมทั้งสังหารนายมาห์มูด อัล-มาบูห์ สมาชิกคนสำคัญของฮามาส ในห้องพักโรงแรมเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อปี 2553 กลุ่มฮามาสก็เชื่อว่าหน่วยสืบราชการลับอิสราเอลเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
นอกจากนั้น การลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ของอิหร่าน และลอบสังหาร “อิมาด มุกนิยาห์” ผู้นำคนสำคัญของขบวนการฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน สองชาติที่เป็นศัตรูกับอิสราเอลก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของมอสสาด
เว็บไซต์ข่าวอิสนาของอิหร่าน เคยเขียนรายงานสั้นๆ เกี่ยวกับสำนักข่าวกรอง “มอสสาด” ของอิสราเอลว่า ในองค์กรนี้มีหน่วยพิเศษที่เรียกว่า “เรย์มอนด์” ซึ่งมีภารกิจดำเนินการลอบสังหารทั่วโลก และว่า หน่วยดังกล่าวมีจำนวนสมาชิกแค่ 40 คนเท่านั้น โดยมีสมาชิกหญิงรวมด้วย 5 คน
หน่วยนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 47 ปีก่อนโดย อาเรียล ชารอน ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังไซออนิสต์โซนภาคใต้ มีการถกเถียงเกี่ยวกับลักษณะและวัตถุประสงค์รวมทั้งภารกิจที่มอบหมายให้หน่วยนี้ และสื่อของไซออนิสต์กล่าวว่าหน่วยนี้เป็น “หน่วยลอบสังหาร ” เว็บไซต์ข่าวอิสนาระบุ