โรงเรียนอนุบาลจังหวัดปัตตานีออกกฎห้ามนักเรียนมุสลิมสวมฮิญาบ ครูประท้วงหยุดสอน ขณะที่ผอ.แนะนำผู้ปกครองถ้ายืนยันว่าจะใส่ก็ให้ย้ายออกไป ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานีทนไม่ไหวลาออกจากกรรมการโรงเรียน
นายประจักรษ์ ชูศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลจังหวัดปัตตานี เผยได้ออกคำสั่งห้ามนักเรียน สวมใส่ผ้าคลุมผม (ฮิญาบ) มาเรียน ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.2561 โพสต์ทูเดย์รายงาน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18พ.ค.61 ผู้ปกครองประมาณ 50 คน รวมตัวกัน เพื่อให้กำลังใจกับนางพารีด๊ะห์ อัลมุมีนี นางกดาเรีย เหมมินทร์ และ นายวันอิดริบ หะยีเต๊ะ ผู้ปกครองของนักเรียน ซึ่งถูกเชิญให้มาที่โรงเรียนเพื่อรับทราบถึงระเบียบกฏข้อห้ามของโรงเรียนให้รับทราบหลังจากลูกสาวผู้ปกครองทั้งสามสวมฮิญาบมาเรียน
ตามรายงานของโพสต์ทูเดย์ ครูบางคนได้แสดงกิริยาไม่สุภาพต่อเด็กนักเรียนโดยใช้วาจาหมิ่น และถึงขั้นครูประท้วงหยุดไม่สอนหนังสือหายเกือบครึ่ง เมื่อผู้ปกครองท่านอื่นทราบเรื่องจึงเดินทางมาให้กำลังใจผู้ปกครองทั้งสาม และผู้ปกครองที่เหลือพร้อมที่จะให้ลูกแต่งชุดฮิญาบมาเรียนในวันที่ 21 พ.ค.61
นางกดาเรีย เหมมินทร์ หนึ่งในผู้ปกครองที่ผอ.โรงเรียนเชิญมาทำความเข้าใจ กล่าวว่า ผอ.ยืนยันให้ทำตามระเบียบของโรงเรียน หากเด็กยังใส่ผ้าคลุมไปโรงเรียนครูก็จะสอนหนังสือไม่ได้ และแนะนำว่าถ้าผู้ปกครองยืนยันจะใส่ฮิบญาบมาโรงเรียนต่อไปก็ให้ย้ายโรงเรียน
“เรายืนยันว่าจะยืนหยัดสู้ต่อไปเพื่อลูกได้แต่งกายตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการและกฎหมายก็บอกชัด หลังจากนี้ก็คงจะต้องให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการทำตามกฎหมาย อาจมีการแจ้งความเพื่อเรียกร้องต่อไป” นางกดาเรีย กล่าวตามรายงานของโพสต์ทูเดย์
ด้านนายนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการศึกษาโรงเรียนอนุบาลปัตตานี กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังได้พยายามเข้าไปไกล่เกลี่ยในที่ประชุมว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับศาสนา เสียงที่เห็นด้วยให้มีการใส่ผ้าคลุมมีแค่ 2 เสียงก็เลยต้องจบเพราะเป็นฝ่ายเสียงข้างน้อยไม่สามารถค้านอะไรได้ รวมทั้งตำแหน่งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดก็ไม่สามารถเข้ามาตัดสินเพราะมีระเบียบหลายขั้นตอน
ล่าสุด ตามรายงานของฟาตอนีออนไลน์ นายแวดือราแม มะมิงจิ ได้ออกแถลงการณ์ลาออกจากการเป็นคณะกรรมการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี โดยให้เหตุผลว่า “เนื่องจากมติที่ประชุมคณะกรรมการโรงเรียนอนุบาลได้มีมติของที่ประชุมไม่เห็นชอบให้นักเรียนมุสลิมแต่งกายตามหลักของศาสนาอิสลาม ซึ่งการแต่งกายตามหลักการอิสลามเป็นบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม”
“กรณีที่ผมให้สัมภาษณ์นั้นหลายคนเข้าใจผิด ผมไม่อยากให้นำศาสนานี้มาเป็นข้อขัดแย้ง เพราะบ้านเมืองต้องการความสมานฉันท์และความสงบสุขตามนโยบายของรัฐบาล”
“อย่างไรก็ตามนโยบายของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีและองค์กรต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่มีนโยบายอย่างชัดเจนในการปกป้องและดำเนินงานเพื่อนำศาสนาอิสลามในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสังคมพหุวัฒนธรรมต่อไป” แถลงการณ์ระบุ
ด้าน น.ส.งามศุกร์ รัตนเสถียร์ จากสถาบันสิทธิมนุษยชน และสันติศึกษา ม.มหิดล แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ตามรายงานของเบนาร์นิวส์ว่า ตัวแทนโรงเรียนและผู้ปกครองจำเป็นต้องพูดคุยกัน เพื่อยืดหยุ่นและหาทางออกร่วมกัน และไม่ให้เกิดปัญหา
“คิดว่า โรงเรียนอนุบาลปัตตานีจะต้องมาคุยกัน หาทางออกร่วมกัน ความหมายธรณีสงฆ์เป็นยังไง แล้วทำไมถึงเป็นข้อห่วงกังวลของชาวพุทธ ที่นี้มันละเมิดสิทธิยังไง แล้วเราจะต้องอยู่ร่วมกัน ทางออกคือ จะต้องมาคุยกัน อะไรที่ยึดหยุ่นได้คิดว่าควรจะทำ ตอนนี้สถานการณ์ในพื้นที่ก็ละเอียดอ่อนพอแล้วกับศาสนา แต่ก็คิดว่าไม่ควรให้ลุกลามมากกว่านี้” น.ส.งามศุกร์กล่าว