ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์  ลีก กับการถือศีลอดของนักเตะดัง

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

ตามที่เป็นข่าวทางสื่อไทยและเทศว่าสโมสรและแฟนบอลลิเวอร์พูลมีความกังวลใจว่านักเตะอย่างโม ซาลาห์  (ซึ่งยืนยันแล้วจะถือศีลอดเพราะให้เหตุผลว่ามีวันนี้ได้เพราะพระเจ้า  (http://www.astroawani.com) ซาดิโอ มาเน และเอ็มเร ชาน ซึ่งเป็นชาวมุสลิมและต้องอดอาหารในเดือนนี้ไปจนถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2561 โดยพวกเขามีโปรแกรมชิงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับเรอัล มาดริด วันที่ 26 พฤษภาคม 2561 นี้

ความเป็นจริงไม่ใช่ลิเวอร์พูลเท่านั้นมีนักเตะดังเป็นมุสลิม   เรอัล มาดริด ก็มีนักเตะ อย่างการีม เบ็นเซม่า ไม่เพียงเท่านั้น ผู้จัดการทีม ของ  เรอัล มาดริด ก็มุสลิม คือ เซเนดีน ซีดาน

วันพฤหัสที่ 17 พฤษภาคม  2561   ถึง 14  มิถุนายน  2561(เป็นวันแรกฟุตบอลโลก) มุสลิมทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยกำลังถือศีลอด    การถือศีลอดมีหลักการและหลักปฏิบัติอย่างไรและมีกระทบต่อนักเตะหรือไม่สามารถพิจารณาได้ดังนี้

1. ความหมายการถือศีลอด

บรรดานักปราชญ์ของโลกอิสลามได้ให้คำจำกัดความของการถือศีลอด (ศิยามในภาษาอาหรับ) ไว้ว่า “การถือศีลอดหมายถึงการงดเว้นจากการบริโภคและการกากระทำต่างๆ ที่นำไปสู่การเสียศีลอดนับตั้งแต่แสงรุ่งอรุณจนถึงดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า (เวลากลางวัน)”

สำหรับการกระทำต่างๆ ที่นำไปสู่การเสียศีลอดมีดังนี้

1. เจตนาบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม (โดยไม่มีความจำเป็นทางศาสนา)

2. เจตนาทำให้น้ำอสุจิหลั่งออกมา (จะด้วยวิธีใดก็ตาม) และ เจตนาร่วมประเวณี

3. เสียสติ (โดยเป็นบ้า เป็นลมหรือสลบ)

4. เจตนาทำให้สิ่งใดล่วงล้ำเข้าไปภายในอวัยวะที่เป็นรู (เช่นหู จมูก ทวารหนักและ ทวารเบา)

5. เจตนาทำให้อาเจียร

6. ปรากฏมีเลือดประจำเดือน (หัยฎฺ) และเลือดหลังคลอด (นิฟาส)

7. มุรตัด (สิ้นสภาพการเป็นมุสลิม)

การถือศีลอดได้ถูกกำหนดแก่สูเจ้าดังที่พระองค์ได้เคยบัญญัติแก่ชนยุคก่อนจากท่านเพื่อว่าสูเจ้าจะเป็นผู้ที่ยำเกรง” (อัลบากอเราะฮ์ : 183)

คำว่าผู้ยำเกรงตามทรรศนะอิสลาม หมายถึงการกระทำความดีและละเว้นความชั่ว

ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัดกล่าวว่า “การถือศีลอดเป็นโล่ถ้าหากว่าผู้หนึ่งในพวกท่านถือศีลอดในวันหนึ่งแล้ว เขาไม่ทำชั่วและพูดจาหยาบคายเมื่อมีผู้หนึ่งด่าทอต่อเขาหรือระบายความไม่ดีแก่เขา (ผู้ถือศีลอด) จงกล่าวว่าแท้จริงฉันถือศีลอด”

2. การถือศีลอดทำให้เสียสุขภาพหรือไม่

ในระหว่างวันชาวมุสลิมจะละเว้นการกิน การดื่มซึ่งทำให้ร่างกายขาดพลังงานจากสารอาหารที่จะได้รับและต้องสูญเสียน้ำจากการขับถ่ายออกจากร่างกาย จะทำให้รู้สึกกระหายน้ำและเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลงก็จะทำให้รู้สึกหิว ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากการอดไปแล้วประมาณ 6-12 ชั่วโมง ซึ่งเรียกว่าระยะหิวโหย ระดับน้ำตาลและน้ำที่ลดลงจะกระตุ้นไปที่ศูนย์ควบคุมความหิว

สำหรับคนที่มีร่างกายปกติ มีเจตนา (นียะห์) และมีความเชื่อมั่นต่อบทบัญญัติของอัลลอฮฺ (ศุบหฯ) อย่างแน่วแน่ จะไม่ทำให้ร่างกายถึงขั้นมีอาการหน้ามืดหรือหมดสติไปเพราะระบบต่างๆ ในร่างกายจะช่วยประสานงานกันโดยอัตโนมัติเพื่อที่จะรักษาสมดุลให้เกิดขึ้นโดยในระยะแรกร่างกายจะเริ่มมีการสลายพลังงาน ที่เก็บสะสมไว้ในตับ กล้ามเนื้อ และไขมันมาใช้เป็นพลังงานเพื่อรักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกายอย่างเหมาะสม ทำให้ร่างกายสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ในวงการแพทย์ (อ้างจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานีซึ่งทำงานในชุมชนมุสลิม) ได้ให้ทรรศนะว่าการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน นับได้ว่าเป็นโอกาสอันดีที่อวัยวะของระบบทางเดินอาหารจะได้พักผ่อนและถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ล้างสารพิษในร่างกายออกไป เพราะจากการศึกษาพบว่า การอดอาหารในระยะหนึ่งจะเป็นการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เพราะร่างกายจะขับของเสียที่หมักหมมหรือสารอาหารที่มีมากเกินความต้องการของร่างกาย เช่น ไขมันเลือดในเลือด หรือที่เรียกกันว่าคอเรสเตอรอล ออกไป เพราะหากมีมากเกินไปในกระแสเลือดจะทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา อาทิ โรคหัวใจและหลอดเลือด

ดร.วินัย ดะห์ลัน กล่าวว่า มีรายงานการศึกษาทางการแพทย์ของ Mansell และ Macdonald ตีพิมพ์ในวารสาร British Medical Journal เมื่อปี 1988 แสดงให้เห็นว่าหญิงที่มีน้ำหนักปกตินั้น หากให้กินอาหารน้อยมาก เป็นเวลา 7 วัน ปรากฏว่า ร่างกายของหญิงเหล่านั้นจะปรับตัวได้ดีไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย นักวิทยาศาสตร์กลุ่มเดียวกันนี้ยังศึกษาต่อไปอีกว่า

หากลองให้คนอดอาหารอย่างสิ้นเชิงยาวนานถึง 48 ชั่วโมง แล้วตรวจสอบดูว่าจะส่งผลต่อกลไกการทำงานของร่างกายอย่างไรบ้าง

ผลของการศึกษาพบว่าร่างกายของผู้อดอาหารกลับตอบสนองต่อการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินดีขึ้นด้วยซ้ำ คนที่อดอาหาร 48 ชั่วโมง เมื่อต้องกลับมากินอาหารอีกครั้งหนึ่งปรากฏว่าสมดุลของฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ให้ประโยชน์และช่วยทำให้การย่อยอาหารดีขึ้น

มีรายงานการวิจัยอื่นๆ อีกเหมือนกันที่ยืนยันว่า การอดอาหารอย่างสิ้นเชิงจะทำให้ความดันโลหิตลดลงในขณะที่ปริมาณของเลือดที่เข้าสู่หัวใจไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายความว่าร่างกายปรับตัวโดยลดการทำงานของร่างกายลงในขณะที่ประสิทธิภาพของร่างกายยังคงที่อยู่ร่างกายของมนุษย์จึงอัศจรรย์กว่าที่เราเคยเข้าใจแยะ

ภายหลังผ่านการอดอาหารมาแล้วระบบการย่อยอาหารจะกลับเข้าสู่สภาวะเดิมโดยไม่แสดงผลร้ายหรือเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ก่อผลเสียแต่อย่างใดเลย

กองทัพบกอิสราเอล โดยมีคณะนักวิจัยทางการแพทย์นำโดยนายแพทย์ Maislos แห่งมหาวิทยาลัยเบนกูเรียน อิสราเอล เป็นผู้ทำงานวิจัยชิ้นนี้ให้กองทัพบก หมอ Maislos ทำการศึกษาพฤติกรรมการถือศีลอดของชนเผ่าทะเลทรายที่เรียกว่า เบดูอิน คนเหล่านี้ถือศีลอดอย่างเคร่งครัดเหมือนกับคนอาหรับถือศีลอดกันในอดีต นั่นคือกินอาหารน้อย ออกกำลังกายหรือทำงานตามปกติ และนอนค่อนข้างน้อย วันเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเมื่อพ้นเดือนรอมฎอน หมอทำการตรวจสอบระดับไขมันของชนเผ่าเบดูอิน

สิ่งที่พบคือ คนเหล่านี้มีสุขภาพทางร่างกายดีขึ้น ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง ระดับไขมันที่ดีที่เรียกว่า เอชดีแอล เพิ่มระดับสูงขึ้น

บทสรุปก็คือ การถือศีลอดอย่างเคร่งครัด น่าจะช่วยทำให้ผู้ที่ถือศีลอดลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากโรคหัวใจได้

3. ข้อควรปฏิบัติของผู้ที่ถือศีลอดที่จะนำไปสู่สุขภาวะ

สุขภาพ คือ “สภาพของร่างกายและจิตใจ” สุขภาพดีสุขภาพดีจึงหมายถึง สภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ สุขภาพเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของผู้ถือศีลอด การที่จะทำให้สุขภาพทั่งกายและใจแข็งแรง มีหลักที่ทำง่ายๆ คือ หลัก 3 อ. ได้แก่

อาหาร

ความสำคัญของการรับประทานอาหาร มีอยู่ 2 ประการ คือ

1. ต้องเป็นอาหารที่ฮาลาล(อิสลามอนุมัติให้ทาน)และมีคุณประโยชน์ครบหมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมันวิตามิน แร่ธาตุ และน้ำ

2. ต้องได้รับอารหารในสัดส่วนที่ถูกต้อง  เพราะถ้าร่างกายได้รับสารอาหารมากไปหรือน้อยไปจะส่งผลทำให้ร่างกายเกิดโรคต่างๆ เช่นโรคอ้วน โรคขาดสารอาหาร เป็นต้นเพราะอัลลอฮฺได้ตรัสว้ความว่า “จงกินจงดื่มและจงอย่าสุรุ่ยสุร่าย” (อัลอะอฺรอฟ : 31)

เป็นที่ทราบกันในหมุ่มุสลิมผู้ที่ถือศีลอดว่าไม่เสมอไปว่าทุกคนที่ถือศีลอดจะมีสุขภาพดีอย่างไรก็แล้วแต่การถือศีลอดจะมีสุขภาพดีและไม่เป็นอันตรายนั้นควรปฏิบัติดังนี้

1.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมัน ขนมหวาน และอาหารหนักในปริมาณที่มากจนเกินควร แล้วเมื่อรอมฎอนผ่านไป น้ำหนักตัวของเขาจะลดลงเล็กน้อยและไขมันในร่างกายของเขาก็จะน้อยลงด้วย

2.ควรละศีลอดด้วยอินทผลัม ถ้าไม่มีก็ด้วยอินทผลัมแห้ง และถ้าไม่มีก็ด้วยการดื่มน้ำเล็กน้อย ในขณะที่ผู้ถือศีลอดละศีลอด ร่างกายของเขากำลังต้องการอาหารประเภทน้ำตาล ซึ่งสามารถจะถูกดูดซับเข้าสู่เลือดได้อย่างรวดเร็วและขจัดความหิวโหยให้หมดไปในขณะเดียวกันนั้น ร่างกายของเขาก็ต้องการน้ำด้วยและการละศีลอดด้วยน้ำและอินทผลัมก็ให้ทั้ง 2 ประการ นั่นคือ การขจัดความหิว และขจัดความกระหาย นอกจากนั้นทั้งอินทผลัมสดและแห้งยังอุดมด้วยเส้ยใย ที่จะช่วยป้องกันการท้องผูกและยังทำให้รู้สึกอิ่ม ดังนั้น ภายหลังจากที่ผู้ถือศีลอดละศีลอดด้วยอินทผลัมแล้ว เขาจึงไม่มีความอยากที่จะรับประทานอาหารอื่นในปริมาณมากๆ อีก

3.จงแบ่งการละศีลอดเป็น 2 ช่วง ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) จะรีบละศีลอดด้วยอินทผลัม หรือน้ำต่อจากนั้นก็จะรีบไปละหมาดค่ำ (มัฆริบ) เสร็จแล้ว จึงกลับมารับประทานอาหารหนักละศีลอดต่อการรับประทานอินทผลัมเล็กน้อยและน้ำ จะเป็นการกระตุ้นกระเพาะอาหารอย่างแท้จริง และในขณะที่กำลังละหมาดมัฆริบนั้น กระเพาะก็จะดูดซับสารน้ำตาลและน้ำทำให้ความรู้สึกหิวกระหายเลือนหายไป ครั้นเมื่อผู้ถือศีลอดละหมาดเสร็จ และกลับมารับประทานอาหารปริมาณมากๆ ในคราวเดียวและอย่างเร่งรีบนั้น จะทำให้กระเพาะอาหารโป่งพอง ลำไส้เกิดอาการปั่นป่วนและอาหารย่อยยาก

4. ข้อแนะนำเพื่อไม่ให้ท้องผูก หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่มักจะมีอาการท้องผูก ก็ให้รับประทานอาหารที่มีเส้นใยมากๆ เช่น สลัดผัก ผัก และผลไม้ชนิดต่างๆ และจงหลีกเลี่ยงการรับประทานขนมหวาน โดยให้รับประทานผลไม้แทน และจงทำละหมาดตะรอเวียห์อย่างสม่ำเสมอและบริหารร่างกายหรือออกกำลังกายอย่างที่เคยปฏิบัติ

5. พึงหลีกเลี่ยงการนอนหลังการละศีลอดผู้ถือศีลอดบางคนชอบที่จะนอนหลังการรับประทานอาหารละศีลอด อันที่จริงการนอนหลังอาหารมื้อใหญ่และมากไปด้วยไขมันนั้นจะเพิ่มความเฉื่อยชาและเกียจคร้านให้มากขึ้น

อารมณ์

เป็นเรื่องราวของสุขภาพจิต ซึ่งจะมีผลต่อสุขภาพภายโดยตรง ดึงข้อความที่ว่า “ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว” อารมณ์ดีส่งผลให้ระบบทางร่างกายทุกระบบทำงานเป็นปกติแต่ถ้าอารมณ์ไม่ดีมีผลกระทบต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ถ้าเครียดจะทำให้น้ำย่อยหลั่งออกมามากกว่าปกติทำให้ ระบบย่อยระบบดูดซึมเสียไป และถ้าเครียดบ่อยๆนานๆ จะเป็นโรคกระเพาะ ได้ อีกทั้งระบบภูมิต้านทานของร่างกายจะลดต่ำลงด้วย เป็นต้น

ต่อไปนี้จะเป็นข้อแนะนำ 2 ประการ เพื่อทำให้อารมณ์ดี สุขภาพจิตดี ได้แก่

1. ทำจิตใจให้สงบ ไม่เครียด โดยการละหมาด รำลึกถึงอัลลอฮฺ อ่านอัลกุรอาน ทำใจให้รู้จักพอ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง มีความเมตตากรุณาต่อผู้อื่นทั้งนี้เพื่อเป็นการพักผ่อนจิตใจและอื่นๆ ” จิตสงบย่อมพบความสุข ” ” สุขใดเหนือความสงบเป็นไม่มี ”

2. การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ครั้งละไม่น้อยกว่า 25 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อยการออกกำลังกาย เช่น การบริหารร่างกายด้วยตะบอง การเดินเร็ว การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ การวิ่งเหยาะๆ (จ๊อกกิ้ง) วัดได้จากการเต้นของหัวใจโดยต้องออกกำลังให้หัวใจเต้นที่ 60% ของอัตราการเต้นสูงสุดโดยใช้สูตร 60% ของ (220 – อายุ) เช่น

ถ้าอายุ 20 ปี 60% (220 – 20) = 120 ครั้ง/นาที

ถ้าอายุ 30 ปี 60% (220 – 30) = 114 ครั้ง/นาที

ถ้าอายุ 40 ปี 60% (220 – 40) = 108 ครั้ง/นาที

ระยะเวลานับจากเวลาที่หัวใจเต้นถึง 60% ของอัตราสูงสุดขึ้นไปแล้วต้องไม่น้อยกว่า 15นาที โดยต้องรักษาระดับการเต้นของ หัวใจไม่น้อยกว่า 60% อยู่ตลอดเวลาทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายได้เกิดการหลั่ง growth hormone และสารแห่งความสุขที่เรียกว่า endorphin ทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายมีความสุขก่อให้เกิดสุขภาพแข็งแรง ถ้ารวมเวลา warm up และ warm down อีกอย่างละ 5 นาทีแล้ว รวมเป็นไม่น้อยกว่าวันละ 25 นาที

อากาศ

ในที่นี้หมายถึงสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัว อากาศจัดว่ามีความสำคัญมากเช่นกันเพราะคนเราขาดอาหารยังสามารถมีชิวีติอยู่ได้ หลายวัน แต่ถ้าขาดอากาศจะอยู่ได้ไม่กี่นาทีเท่านั้น ถ้าอากาศและสิ่งแวดล้อมดี ย่อมมีผลต่อสุขภาพที่ดีด้วย ดังนั้น จึงควรหาโอกาสทำ

งานในสิ่งแวดล้อมที่ดีโดยช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้อยู่ในสภาพสะอาดปราศจากมลภาวะ ถ้าจำเป็นต้องทำงานภายใต้อากาศ หรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หน้ากากชุดออกซิเจนเข้าช่วย ถ้าเป็นไปได้ควรหาโอกาสออกไปใกล้ชิด กับธรรมชาติที่บริสุทธิ์ให้บ่อยครั้ง หรืออย่างน้อยสักเดือนละครั้งก็ยังดี

4. คำแนะนำทางการแพทย์สำหรับบางคน

ข้อแนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ก่อนที่หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรจะถือศีลอด นางควรปรึกษาแพทย์

หากแพทย์อนุญาต นางจึงถือศีลอดแต่ไม่ควรรับประทานอาหารละศีลอดในปริมาณที่มากเกินไปให้รับประทานแต่พอประมาณและควรแบ่งการรับประทานอาหารละศีลอดเป็น 2 มื้อ มื้อแรกเมื่อได้เวลาละศีลอด และมื้อที่ 2 ให้ห่างกับมื้อแรกประมาณ 4ชั่วโมง และในการรับประทานอาหารสะหูร (มื้อก่อนรุ่งสาง) ควรจะล่าช้ามากที่สุดและควรรับประทานอาหารประเภทนมโยเกิร์ตให้มากและควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและขนมหวาน

นอกจากนั้นหญิงที่ให้นมบุตรยังควรที่จะจัดเตรียมน้ำและอาหารเหลวเพื่อให้เด็กได้รับประทานควบคู่ไปกับการให้นมของนางขณะถือศีลอดและอาหารที่นางรับประทานเองทั้งมือละศีลอด และมื้อก่อนรุ่งอรุณ (สะหูร) ควรเป็นอาหารที่เหมาะสมทั้งปริมาณและคุณภาพ และถ้าเป็นไปได้ก็ควรให้นมเด็กบ่อยครั้งในช่วงหลังละศีลอดถึงสะหูรและเมื่อใดที่รู้สึกอ่อนเพลียและเหน็ดเหนื่อยก็ให้รีบละศีลอดและปรึกษาแพทย์

สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจผู้ที่ป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับหัวใจจำนวนไม่น้อยที่สามารถถือศีลอดได้ เนื่องจากในช่วงเวลากลางวันเมื่อไม่มีการย่อยอาหารกล้ามเนื้อหัวใจก็ทำงานน้อยลง และได้พักผ่อนมากขึ้น ทั้งนี้เพราะเมื่อมีการย่อยอาหารนั้น ร้อยละ 10 ของเลือดหัวใจสูบฉีดไปยังส่วนต่างๆของร่างกายจะต้องถูกส่งไปเลี้ยงอวัยวะที่ทำหน้าที่ย่อยอาหาร

สำหรับผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง ปกติแล้วจะสามารถถือศีลอดได้แต่จะต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและในขณะนี้ก็มียาหลายชนิดที่ผู้ป่วยสามารถจะรับประทานเพียงแค่วันละ 1-2ครั้งเท่านั้นแต่ผู้ป่วยเหล่านี้จะต้องพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มเปรี้ยวจัดและรับประทานอาหารที่ใส่เกลือสมุทรให้น้อยลง ส่วนผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอกที่ไม่รุนแรง และเฉียบพลัน โดยทั่วไปก็สามารถถือศีลอดได้ แต่จะต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดีก็มีผู้ป่วยเกี่ยวกับอาการทางหัวใจบางอย่างที่ไม่สามารถถือศีลอดได้อย่างเช่น ผู้ป่วยด้วยโรคก้อนเลือดแข็งผู้ที่มีอาการหัวใจเต้นอ่อนอย่างรุนแรงและผู้ที่มีอาการเจ็บเสียดหน้าอกอย่างเฉียบพลัน เป็นต้น

กล่าวโดยสรุป  การเล่นฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศในครั้งนี้ (ซึ่งความเป็นจริงนัดชิงก็เป็นเวลากลางคืนไม่มีผลต่อการอดอาหารอันนี้นับเวลาPPTV โฆษณาว่าจะถ่ายทอดสด1.45 ดึกซึ่งยูเครนช้ากว่าเรา4 ชั่วโมง เเต่อีกรายงานหนึ่งบอกว่าเล่นก่อนละศีลอด15นาที) อาจทำให้สงสัยว่านักเตะสำคัญในทีมจะได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามศาสนกิจตามที่กล่าวมาได้  ดังนั้นในทางที่ดีน่าจะมีแนะนำทางโภชนาการแก่นักเตะให้รับประทานอาหารอย่างไร ถึงจะไม่กระทบและสภาพร่างกายสามารถปรับตัวหลังถือศีอดหลายวันถึงแม้ในหลักการอิสลามก็มีข้อยกเว้นสำหรับผู้เดินทาง ไม่ต้องถือศีลอดในวันดังกล่าว

ที่ผู้เขียนอดเป็นห่วงไม่ได้คือ ผู้ชมทางบ้านมุสลิมหลายล้านคนหากเกมส์นัดชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีกตรงกับเวลาละหมาดอันเป็นหลักปฏิบัติสำคัญเขาเหล่านี้จะละทิ้งละหมาดไปชมฟุตบอลหน้าจอทีวี  อิอิอิ