อาร์ที – ทูตซีเรียประจำสหประชาชาติ “นายบาชาร์ จาฟารี” แฉ อิสราเอลช่วยเคลื่อนย้ายกลุ่มก่อการร้ายหนีออกจากดินแดนซีเรียไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
นายจาฟารีระบุว่า การกวาดล้างอย่างหนักของกองทัพซีเรียบีบให้กลุ่มก่อการร้ายต้อง “หลบหนีออกจากดินแดนซีเรียผ่านที่ราบสูงโกลัน” และเข้าไปในอาณาเขตของอิสราเอล เขากล่าวว่า จากนั้นกลุ่มก่อการร้ายได้ถูก “เคลื่อนย้ายไปยังประเทศจอร์แดน” และจากนั้นไปยังประเทศอื่นๆ รวมทั้งสหรัฐฯ
อิสราเอลเคยอพยพสมาชิกจำนวนหลายร้อยคนของกลุ่มหมวกกันน็อกสีขาว (White Helmets) ที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก ซึ่งโฆษณาตัวเองว่าเป็นอาสาสมัครกู้ภัย แต่ในความเป็นจริงเป็นผู้ที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ รัฐบาลซีเรียกล่าวหาว่าสมาชิกของกลุ่มนี้ให้ความร่วมมือกับกลุ่มก่อการร้ายและวางแผนสร้างข่าวเท็จโจมตีฝ่ายรัฐบาล
ทั้งนี้ หลังการประชุมของนานาชาติเพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในซีเรีย ที่เมืองโซชิ ของรัสเซีย นายจาฟารี ได้พูดถึงการโจมตีของอิสราเอลในดินแดนซีเรีย และแสดงความยินดีต่อกองทัพซีเรียที่มีชัยชนะเหนือกลุ่มก่อการร้ายในจังหวัดดาร่าทางตอนใต้ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การควบคุมของไอซิส
ทูตซีเรียประจำสหประชาชาติยังวิพากษ์วิจารณ์ตุรกีต่อการยึดครองดินแดนซีเรียทางตอนเหนือ และบอกว่าอังการาไม่ได้ทำตามข้อบังคับเกี่ยวกับเขตแดนในภูมิภาคที่เรียกว่า “de-escalation” รวมถึงในจังหวัดอิดลิบ
“รัฐบาลตุรกีได้ส่งกองกำลังติดอาวุธจำนวนมากไปที่นั่น และเราทุกคนได้เห็นปฏิบัติการทางทหารของตุรกีในภูมิภาคนี้ รวมถึงเมืองอัฟริน (Afrin) ซึ่งพวกเขายึดครอง และพวกเขาก็ยังได้ยึดครองพื้นที่อื่นๆ ด้วย” เขากล่าว
นายจาฟารีกล่าวว่า ตุรกีเป็นประเทศเดียวที่ได้ละเมิดพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงอัสตานา (Astana) และตั้งข้อสังเกตว่า เงินลีร่าของตุรกีได้ถูกนำมาใช้ในพื้นที่ดังกล่าวภายใต้การควบคุมของอังการา
ทูตซีเรียยังยืนยันว่า สหรัฐฯ และพันธมิตรควรจะออกจากดินแดนซีเรียทันที โดยอ้างถึงข้อเท็จจริงที่ว่าการปรากฏตัวของพวกเขาในประเทศนี้เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้รับเชิญจากรัฐบาลดามัสกัสและยังไม่ได้รับอนุญาตจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ทูตซีเรียประจำสหประชาชาติกล่าวว่า เขาต้องการที่จะเห็นจังหวัดอิดลิบกลับคืนสู่ประเทศซีเรียผ่าน “การประนีประนอมระดับชาติ” แต่เตือนว่ากองทัพซีเรียมี “ศักยภาพเพียงพอ” ที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารถ้าจำเป็น
