อดีตหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ (MI6) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซีเชื่อ เจ้าชายมูฮัมหมัด บินซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุฯ อยู่เบื้องหลังฆาตกรรม “จามาล คาช็อกกี”
อะนาโดลู สำนักข่าวตุรกีรายงานอ้างการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซี ของ เซอร์ จอห์น ซาเวร์ส (Sir John Sawers) ที่กล่าวว่า ทฤษฎีที่ว่า คาช็อกกีถูกสังหารโดยมือสังหารที่อันธพาลหรือโดยพละการ (rogue elements) จากเจ้าหน้าในกองทัพซาอุฯ คือ “นวนิยายที่น่าอับอาย”
ข้อคิดเห็นของซาเวร์ส มีขึ้นหลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ สันนิษฐานว่านั่นคือสาเหตุความตายของคาช็อกกี และผลที่ตามมาสำหรับซาอุดิอาระเบียจะรุนแรงมากถ้าพบว่าผู้นำซาอุฯ ออกคำสั่งให้ฆาตกรรม
“ผมคิดว่าประธานาธิบดีทรัมป์และทีมงานของเขากำลังตื่นขึ้นมาเพื่อพบว่ามันอันตรายเพียงใด ที่เรื่องนี้ขับเคลื่อนให้ประชาชนรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการยกเว้นโทษเพราะความสัมพันธ์ของพวกเขากับสหรัฐฯ” ซาเวร์สกล่าว
“ถ้าเรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์ และดูเหมือนจะเป็นไปได้ว่า [เจ้าชายบินซัลมาน] สั่งให้มีการสังหารผู้สื่อข่าวคนนี้ ซึ่งคงเป็นขั้นตอนที่ยังอีกไกล ประการเดียวที่อังกฤษ สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ จะต้องทำคือปฏิกิริยาตอบโต้”
อดีตหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ เน้นย้ำว่า ทฤษฎี “rogue elements” (อันธพาล/พละการ) ของการเสียชีวิตของผู้สื่อข่าว “เป็นเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก” และมันจะ “ทำลายความเคารพต่ออเมริกาไปเรื่อย ๆ เมื่อนึกถึงนวนิยายดังกล่าว”
“ระดับรายละเอียดที่ออกมาจากหน่วยความมั่นคงของตุรกีชัดเจนมาก ซึ่งเทปบางส่วนต้องมีอยู่จริง” เขากล่าวยกย่องงานข่าวกรองของตุรกีในเรื่องนี้
“ระดับรายละเอียดนี้เป็นเรื่องที่เคราะห์ร้ายมากสำหรับทีมสังหาร และ [รายงานที่ระบุตัวตนของพวกเขา] แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นคนใกล้ชิดกับเจ้าชายมงกุฎราชกุมารมากเพียงใด”
ด้านรมต.ต่างประเทศอังกฤษ นายเจเรมี ฮันท์ กล่าวว่า จะมี “ผลกระทบ” ที่อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับซาอุดิอาระเบียหากคาช็อกกีถูกฆาตกรรมอย่างโหดร้ายในสถานกงสุลซาอุฯ ในอิสตันบูล
ฮันท์กล่าวว่าการฆ่าคาช็อกกีอย่างที่กำลังสงสัยนี้ เป็น “สิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้” สำหรับสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตามเขายังส่งสัญญาณว่า การตอบสนองของอังกฤษจะ “พิจารณา” ต่อการเป็นพันธมิตรในการต่อสู้กับการก่อการร้ายและสัญญาทางการค้าที่มีมูลค่าหลายพันล้านปอนด์