วันนี้ (29 ต.ค.) การบินไทยแถลงผลสอบสวนข้อเท็จจริงและแนวทางการแก้ไขกรณีเที่ยวบินที่ TG971 เส้นทาง ซูริก-กรุงเทพฯ ล่าช้า และกลายเป็นดราม่าบนสื่อโซเชียล สรุป “นักบิน-นายสถานี” ผิดทั้งคู่!
ผลสอบของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เป็นปัญหาของกระบวนการทำงานและความบกพร่องของทั้ง “นักบินและนายสถานีซูริก” ที่ไม่คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้โดยสารและองค์กรเป็นอันดับแรก ซึ่งขัดกับจริยธรรมในหลักการธรรมาภิบาลที่ดีของบริษัทฯ
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องจากทุกฝ่ายมาให้ถ้อยคำแล้วนั้น คณะกรรมการสอบสวนฯ ได้สรุปว่า
นักบินและผู้จัดการการบริการสนามบินซูริก หรือ “นายสถานีซูริก” ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการปฏิบัติงานและระเบียบที่เกี่ยวข้อง แต่ขาดการประสานงานที่ดีระหว่างกันเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องที่นั่งของ Passive Crew (นักบินที่โดยสารมากับเที่ยวบินนั้น เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในเที่ยวบินอื่นหลังจากนี้ หรือปฏิบัติหน้าที่ในเที่ยวบินก่อนหน้านี้) จึงส่งผลให้เกิดความล่าช้าของเที่ยวบินและส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร รวมทั้งทำให้เกิดความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ขององค์กร
ผลการสอบสวนยังระบุอีกว่า ผู้ปฏิบัติงานทั้งสองฝ่ายไม่ได้คำนึงถึงการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่ผู้โดยสารเป็นลำดับแรก จึงสรุปได้ว่า ผู้ปฏิบัติงานทั้งสองคนมีข้อบกพร่องด้านจริยธรรมตามคู่มือการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทฯ ที่กำหนดให้พนักงานยึดมั่นและปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ ความบกพร่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการบริการผู้โดยสารและสร้างความเสียหายให้แก่บริษัทฯ
บริษัทฯ จะดำเนินการทางวินัยและพิจารณาบทลงโทษกับผู้ปฏิบัติงานทั้งสองตามระเบียบของบริษัทฯ ต่อไป นอกจากนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการเยียวยาผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าวตามมาตรฐานสากล ซึ่ง ณ ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ระบุ
เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะหลังผู้โดยสารร้องเรียนความล่าช้าของเที่ยวบินที่ ทีจี 971 เส้นทาง ซูริก-กรุงเทพฯ เมื่อ 11 ต.ค.61 โดยระบุว่า เที่ยวบินซึ่งมีกำหนดการบินออกจากนครซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เวลา 13.30 น. แต่ล่าช้ากว่ากำหนด โดยเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินได้เชิญผู้โดยสารที่จองตั๋วมาให้เปลี่ยนที่นั่ง เนื่องจากพบว่ามีคณะนักบินที่ต้องการเดินทางกลับ 4 คน และต้องการที่นั่งดังกล่าว
ที่นั่งดังกล่าวเป็นชั้นเฟิร์สคลาส ซึ่งกัปตันไม่ยอมนำเครื่องขึ้น หากไม่เปลี่ยนที่นั่งให้เพื่อนนักบิน จนทำให้ผู้โดยสาร 2 คนต้องยอมเปลี่ยนที่นั่งเพื่อให้เที่ยวบินเดินทางต่อไปได้