Alaraby – กองกำลังพันธมิตรภายใต้การนำของซาอุดิอาระเบียจำนวนหลายพันคนเดินทางถึงเมืองฮูไดดะห์ (Hodeida) ในเยเมนเมื่อวันพฤหัสบดี (1 ต.ค.) คล้อยหลังเพียงวันเดียวหลังจากที่วอชิงตันเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกอาหรับแห่งนี้
เมื่อวันพฤหัสบดี มีรายงานระบุว่ายานพาหนะของพันธมิตรซาอุฯ ได้เคลื่อนเข้าใกล้บริเวณที่เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มกบฏฮูซี ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และกองกำลังพันธมิตรซาอุฯ แถวนอกเมือง
กองกำลังพันธมิตรซาอุฯ ได้พยายามยกระดับการล้อมเมืองท่าฮูไดดะห์ ซึ่งการนำเข้าสินค้าและความช่วยเหลือจากนานาชาติสู่เยเมน 70% ผ่านทางจุดนี้
ซาอุดีอาระเบียเข้าแทรกแซงเยเมนในเดือนมีนาคมปี 2015 เพื่อหนุนประธานาธิบดี อับดุลรอบบุ มันซุร์ ฮาดี ซึ่งตอนนี้อยู่ในสถานะรัฐบาลพลัดถิ่น
รัฐบาลของฮาดีล้มลงหลังจากกลุ่มกบฏฮูซีเข้ายึดกรุงซานาเมืองหลวง ในปี 2014
ฮูซีที่ควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคเหนือเยเมนกล่าวหาว่า กองกำลังพันธมิตรซาอุฯคือผู้ที่ฆ่าพลเรือนชาวเยเมนจำนวนหลายพันคนจากการโจมตีทางอากาศและปิดกั้นเมืองฮูไดดะห์
ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (30 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ของเยเมนก็กล่าวว่า พันธมิตรซาอุดิอาระเบียได้ส่งกองกำลังพันธมิตรกว่า 10,000 คนไปยังฮูไดดะห์
พันธมิตรซาอุฯได้ปฏิบัติการทิ้งระเบิดทางอากาศในเยเมนอย่างหนักเพื่อผลักดันให้ฮูซีออกไป แต่ฝ่ายกบฏฮูซีก็ยังยึดฮูไดดะห์ และกรุงซานาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ในวันพุธ (31 ต.ค.) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ ปอมเปโอ กล่าวว่า วอชิงตันกำลังดำเนินการผลักดันสันติภาพครั้งใหม่ เยเมนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 50,000 รายนับตั้งแต่สงครามปะทุ
สัปดาห์ที่ผ่านมาสหประชาชาติยังเตือนด้วยว่า 14 ล้านคนจากชาวเยเมนทั้งหมด 28 ล้านคนกำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่รุนแรงของการขาดอาหาร และมีผู้คนมากกว่า 22 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
สหประชาชาติได้เรียกเยเมนว่าเป็นประเทศที่เผชิญ “วิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดในโลก”