“ทรัมป์” ยังคงปกป้อง “บินซัลมาน” แม้ “ซีไอเอ” สรุปว่าเขาเป็นผู้สั่งฆ่า “คาช็อกจี”

เดลี่เมล/เทเลกราฟ – ปธน.สหรัฐ “โดนัลด์ ทรัมป์” ยังคงสงสัยเกี่ยวกับบทบาทของเจ้าชายโมฮัมหมัด บินซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ในคดีฆาตกรรมนักข่าว “จามาล คาช็อกจี” แม้ว่า “ซีไอเอ” จะสรุปว่าเขาเป็นสั่งการให้ฆาตกรรม ซึ่งรัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้ปฏิเสธคำอ้างดังกล่าว

“เรายังไม่ได้รับรายงาน ซีไอเอกำลังจะคุยกับผมในวันนี้” ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อเช้าวันเสาร์ (17 พ.ย.) ก่อนออกจากทำเนียบขาวเพื่อไปแคลิฟอร์เนีย ‘จนถึงขณะนี้เราได้รับแจ้งว่าเขา -บินซัลมาน- ไม่ได้เกี่ยวข้อง เราจะต้องดูว่าพวกเขากล่าวอย่างไร”

ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะพูดคุยกับซีไอเอในเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆ อีกมากมายในขณะที่เขาอยู่บนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน และยังจะได้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศ “ไมค์ ปอมเปโอ” ด้วย

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวถึงซาอุดิอาระเบียว่าเป็น “พันธมิตรอันงดงามอย่างแท้จริงในแง่ของงานและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ” ‘ผมต้องคำนึงถึงสิ่งต่างๆ มากมาย’ เมื่อตัดสินใจเลือกมาตรการที่จะต่อต้านราชอาณาจักรนี้ เขากล่าว

หลังจากนั้นเขากล่าวว่า เขาคาดว่าจะมีรายงานฉบับเต็มออกมาในวันจันทร์หรือวันอังคารที่จะถึงนี้

กระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่ได้มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อการฆาตกรรม

ความเห็นนี้ของทรัมป์เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่เดอะวอชิงตันโพสต์และเดอะนิวยอร์กไทม์สรายงานว่า ซีไอเอสรุปว่าเจ้าชายบินซัลมานเป็นผู้สั่งการที่นำไปสู่การเสียชีวิตของนายคาช็อกจี ซึ่งเจ้าชายมกุฎราชกุมารซาอุได้ปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องเสมอมา

ข้อสรุปนี้ของหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ จะช่วยเสริมความพยายามในสภาคองเกรสเพื่อลงโทษพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ ต่อการฆาตกรรมนี้

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารงานของทรัมป์ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของซาอุดีอาระเบียจำนวน 17 คน อันเนื่องจาการถูกกล่าวหาว่ามีบทบาทในการสังหารนี้ แต่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐยังคงเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารลดยอดขายอาวุธให้ซาอุดีอาระเบีย หรือใช้มาตรการลงโทษอื่นๆ ที่รุนแรงขึ้น

เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับรายงานสรุปของซีไอเอไม่ได้รับอนุญาตให้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อสาธารณะ และพูดได้เฉพาะในสถานะที่ไม่เปิดเผยตัวตน  สรุปนี้ของซีไอเอได้ถูกรายงานโดยเดอะวอชิงตันโพสต์

ด้าน ฟาติมะห์ บาเอช โฆษกสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่ารายงานสรุปดังกล่าวเป็นเรื่องเหลวไหล