สลด! “วาฬสเปิร์ม” ตายในอินโดนีเซีย พบพลาสติก 6 กิโลในกระเพาะอาหาร

Photo: AFP

พบ “วาฬสเปิร์ม”หรือวาฬหัวทุย ตัวหนึ่งเสียชีวิตในประเทศอินโดนีเซีย ด้วยถ้วยพลาสติก 115 ชิ้น และถุงพลาสติก 25 ใบในกระเพาะอาหาร สร้างความห่วงใยในหมู่นักสิ่งแวดล้อม

ชิ้นส่วนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของขยะพลาสติกเกือบ 6 กิโลกรัม ที่ค้นพบในซากวาฬ 9.5 เมตร (31 ฟุต) เมื่อมันถูกพัดขึ้นฝั่งในอุทยานแห่งชาติวาคาโทบี (Wakatobi) ทางตะวันออกเฉียงใต้ในจังหวัดสุลาเวสี เมื่อวันจันทร์ (19 พ.ย.)

เศษซากขยะอื่นๆ ได้แก่ รองเท้าแตะและผ้าใบที่ฉีกขาด เป็นต้น เอเอฟพีรายงาน

กลุ่มอนุรักษ์ WWF ของอินโดนีเซียกล่าวในสื่อโซเชียลว่า ยังพบขวดพลาสติก 4 ขวดและเศษเชือก 3.26 กิโลกรัม รวมทั้งถุงพลาสติกและถ้วย

สาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตของวาฬตัวนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีสัญญาณว่า “ขยะพลาสติกอาจเป็นต้นเหตุได้” ผู้ประสานงานด้านการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทะเลของ WWF ประเทศอินโดนีเซียกล่าวกับเอเอฟพี

อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ประกอบด้วย 4 เกาะ ที่มีแนวประการังขนาดใหญ่ล้อมรอบ มีชื่อเสียงในหมู่นักประดาน้ำ

ด้าน ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์ภาพสลดใจนี้ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมทั้งระบุว่า

ข่าววาฬสเปิร์มตายที่อินโดนีเซีย กำลังดังไปทั่วโลก เพราะในท้องพบขยะพลาสติก 6 กิโลกรัม เหตุการณ์นี้ถูกนำมาเชื่อมโยงกับวาฬนำร่องที่ตายในเมืองไทย ผมจึงขอสรุปให้เพื่อนธรณ์ทราบ

หากนับเฉพาะข่าวดังเรื่องวาฬกับขยะพลาสติก วาฬตัวนี้ถือเป็นกรณีที่สามในรอบปี
เริ่มจากวาฬที่สเปนตอนต้นปี วาฬนำร่องของไทยตอนกลางปี และวาฬที่อินโดนีเซีย
วาฬตายใกล้เกาะ Sulawasi อินโดนีเซีย ซึ่งก็อยู่ในทะเลในเขตเชื่อมต่อกับทะเลไทย ที่วาฬนำร่องตายแถวสงขลา

บริเวณนี้ถือเป็นเขตที่มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตทางทะเลสูงที่สุดในโลก ยังเป็นเขตอยู่อาศัยของสัตว์ทะเลหายากจำนวนมาก

แต่บริเวณนี้เป็นเขตที่ได้รับผลกระทบจากขยะทะเลสูงมาก

เพราะ 5 ใน 10 ประเทศของอาเซียน ปล่อยขยะพลาสติกลงทะเลติดอันดับ 1-10 ของโลก

อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟีลิปปินส์ มาเลเซีย และไทย คือประเทศเหล่านั้น

ยังหมายถึงแม่น้ำโขงถูกระบุว่าเป็นแม่น้ำปล่อยขยะลงทะเลมากที่สุด 1 ใน 10 แม่น้ำของโลก

ขยะที่พบในท้องน้องวาฬมีหลากหลาย ทั้งถุงพลาสติก รองเท้าแตะ แก้วและขวดพลาสติก เศษอวน ฯลฯ

นักวิทยาศาสตร์พบว่า วาฬตัวนี้ผอมกว่าปรกติมาก

จึงคาดว่าสาเหตุการตายอาจเกิดจากปัญหาที่ระบบทางเดินอาหาร เพราะไม่สามารถย่อยขยะพลาสติกในท้องได้

ปัจจุบัน น่าจะมีขยะพลาสติกอยู่ในทะเลมากกว่า 150 ล้านตัน

ในแต่ละปี มนุษย์ปล่อยขยะลงทะเลมากกว่า 8 ล้านตัน และตัวเลขอาจเพิ่ม 3 เท่าใน 10 ปีต่อจากนี้ (world economic forum)

การตายของน้องวาฬสเปิร์มที่อินโดนีเซีย ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของมนุษย์ไม่ว่าประเทศไหน

แต่แน่นอนว่าสายตาคนทั้งโลกย่อมมองมาที่ประเทศในเขตอาเซียน

จึงเชื่อได้ว่า รัฐบาลอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอีกหลายชาติ จะเร่งเครื่องมาตรการจัดการพลาสติกใช้แล้วทิ้ง และขยะทะเล

ในเมืองไทยมีการดำเนินงานที่รุดหน้าไปหลายเรื่อง เช่น

การห้ามนำพลาสติกบางประเภทเข้าไปในเขตอุทยาน

การยกเลิกพลาสติกหุ้มฝาขวด

การประกาศห้ามนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศของคณะกรรมการปฏิรูป ฯลฯ
กรมทรัพยากรทางทะเลฯ ได้ศึกษาจนสามารถระบุแม่น้ำสายสำคัญที่ปล่อยขยะลงสู่ท้องทะเล

โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาปล่อยขยะลงมากที่สุด คิดแล้วมากกว่า 50% (จากแม่น้ำที่ศึกษา 5 สาย)

กรมทะเลกำลังเตรียมติดตั้งข่ายดักขยะ 10 แห่ง ตามแม่น้ำสำคัญ เพื่อลดขยะลงสู่ทะเล

ภาคเอกชนมีบทบาทอย่างยิ่งในการจัดการปัญหาขยะพลาสติก

เราเริ่มเห็นการดำเนินงานมาโดยตลอด เช่น การประกาศของห้างร้านต่างๆ ที่จะไม่แจกถุง ลดการใช้ถุง ฯลฯ

ยังรวมถึงการผลักดัน Circular Economy ของ GC และ SCG ที่จะช่วยรีไซเคิลพลาสติกได้เป็นจำนวนมาก

แม้แต่ไอคอนสยามก็มีศูนย์นวัตกรรมรีไซเคิลขยะพลาสติกของอาจารย์สิงห์

วันศุกร์มีงานเกี่ยวกับการลดขยะ 2 แห่งรวด เขาเชิญผมไปทั้งสองแห่ง ตอนเช้าและตอนบ่าย ผมจะนำมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง

แต่ตอนนี้ มองแก้วพลาสติกที่เรากำลังจะถือ…

หลอดพลาสติกที่เรากำลังจะดูด…

ถุงพลาสติกที่เรากำลังจะหิ้ว…

จากนั้นมองภาพน้องวาฬสเปิร์มที่เพิ่งตายไป…

ทุกคนช่วยวาฬ ช่วยเต่า ช่วยโลมา ช่วยปะการัง ช่วยสรรพสัตว์ทั้งท้องทะเลได้

นับตั้งแต่วินาทีนี้ครับ