ในวันพฤหัสบดี (22 พ.ย.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ชี้ให้เห็นว่า อิสราเอลจะเผชิญกับอุปสรรคปัญหาที่ยากลำบากในภูมิภาคตะวันออกกลาง หากซาอุดิอาระเบียไร้เสถียรภาพอย่างทุกวันนี้
“อิสราเอลจะประสบปัญหาใหญ่ หากปราศจากซาอุดิอารเบีย” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว ตามรายงานของไทมส์ออฟอิสราเอล
เมื่อทรัมป์ถูกขอให้แสดงความเห็นต่อรายงานของซีไอเอที่ได้สรุปว่ามกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย “มูฮัมหมัด บินซัลมาน” เป็นผู้สั่งการฆาตกรรมนักข่าวซาอุฯ “จามาล คาช็อกจี” ในกรุงอิสตันบูลเมื่อเดือนตุลาคม
“ถ้าคุณมองไปที่อิสราเอล อิสราเอลจะประสบปัญหาใหญ่โดยปราศจากซาอุดิอาระเบีย” ทรัมป์กล่าว “แล้วนั่นหมายความว่าอย่างไร อิสราเอลจะต้องออกไปหรือ? คุณต้องการให้อิสราเอลออกไปหรือ? เรามีพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากในซาอุดีอาระเบีย”
“ความจริงก็คือซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีประโยชน์อย่างมากในตะวันออกกลาง ถ้าเราไม่มีประเทศซาอุดิอาระเบียเราก็ไม่มีฐานใหญ่ เราก็ไม่มีเหตุผลใดๆ … ” ทรัมพ์พูดโดยไม่จบประโยค
สมาชิกในสภาคองเกรสและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในประเทศอื่นๆ กล่าวหาว่า ทรัมป์ไม่สนใจสิทธิมนุษยชน และปล่อยผ่านซาอุดิอาระเบียด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ รวมทั้งอิทธิพลของประเทศนี้ในตลาดน้ำมันโลก
ทรัมป์ยังชวนตั้งสังเกตว่า ซาอุดีอาระเบียช่วยรักษาราคาน้ำมันให้ต่ำลง
เขายังระบุด้วยว่า ไม่มีประเทศใดที่ไม่มีข้อบกพร่อง “ถ้าเราไปตามมาตรฐานที่กำหนด เราจะไม่สามารถมีพันธมิตรกับเกือบทุกประเทศ” เขากล่าว
ในการอ้างถึงการปฏิเสธอย่างแข็งขันโดยเจ้าชายมกุฎราชกุมารและกษัตริย์ซาอุฯ ต่อการมีส่วนเกี่ยวข้องในการฆ่าคาช็อกจี ซึ่งเขาเคยเรียกการฆาตกรรมนี้ว่าเป็น “ความโหดร้าย” ทรัมป์กล่าวว่า “โลกอาจต้องรับผิดชอบ เพราะโลกนี้เป็นสถานที่ที่เลวร้าย โลกเป็นสถานที่ที่เลวร้ายมาก”
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (20 พ.ย.) ทรัมพ์ยังได้พูดถึงอิสราเอลในการให้เหตุผลว่าทำไมความสัมพันธ์สหรัฐ-ซาอุฯ จึงไม่สั่นคลอนจากเรื่องอื้อฉาวของคาช็อกจี
“สหรัฐอเมริกาตั้งใจที่จะยังคงเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของซาอุดิอาระเบีย เพื่อรับประกันผลประโยชน์ของประเทศเรา อิสราเอล และประเทศพันธมิตรอื่นๆ ในภูมิภาคนี้” เขากล่าว