วานนี้ (24 พ.ย) ประธานาธิบดีอิหร่าน ฮัสซัน รูฮานี เรียกอิสราเอลว่า “เนื้องอกมะเร็ง” ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยชาติตะวันตกเพื่อตักตวงผลประโยชน์ในตะวันออกกลาง
อัลจาซีรารายงานพร้อมตั้งข้อสังเกตว่า นี่เป็นการปะทุเชิงโวหารในระดับรุนแรงที่ไม่ค่อยเห็นนัก เพราะแม้ผู้นำของอิหร่านมักประณามอิสราเอลและทำนายการล่มสลายของมัน แต่รูฮานีไม่ค่อยใช้สำนวนแบบนี้
โดยในการประชุมเอกภาพอิสลาม (Islamic Unity Conference) ครั้งที่ 23 ในวันเสาร์ (24 พ.ย.) ที่กรุงเตหะราน รูฮานีกล่าวว่า “หนึ่งในผลชั่วร้ายของสงครามโลกครั้งที่สองคือการก่อตัวของเนื้องอกมะเร็งในภูมิภาคนี้”
เขายังกล่าวถึงอิสราเอลว่าเป็น “ระบอบการปกครองปลอม” ที่ก่อตั้งขึ้นโดยชาติตะวันตก
อิหร่านได้ให้การสนับสนุนกลุ่มต่างๆ เช่นฮิซบุลเลาะห์และฮามาสที่ได้ให้คำมั่นที่จะต่อสู้กับการยึดครองปาเลสไตน์ของอิสราเอล
อิหร่านเตือนว่า จะโจมตีต่อเป้าหมายของสหรัฐและอิสราเอลหากถูกโจมตีโดยสหรัฐฯ หลังจากที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า วอชิงตันจะใช้ความกดดันสูงสุดต่อเตหะรานเกินกว่ามาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ อิสราเอลมองว่าอิหร่านเป็นภัยคุกคามที่มีอยู่
รูฮานีกล่าวว่า สหรัฐฯ สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “ประเทศมุสลิมในภูมิภาคนี้” เพื่อปกป้องอิสราเอล ซึ่งชัดเจนว่าหมายถึงคู่ต่อสู้ของอิหร่านในภูมิภาคนี้ อย่างอิหร่านซาอุดีอาระเบียและชาติพันธมิตรอาหรับของซาอุฯ
เขากล่าวว่าการยอมจำนนต่อแรงกดดันของสหรัฐฯ คือ “การทรยศ”
“เรามีทางเลือกที่จะปูพรมแดงให้กับอาชญากร หรือยืนหยัดอย่างแข็งขันต่อสู้กับความอยุติธรรม และซื่อสัตย์ต่อพระศาสดา อัลกุรอาน และอิสลามของเรา” รูฮานีกล่าว
รูฮานียังกล่าวด้วยว่า อิหร่านพร้อมที่จะปกป้องประเทศซาอุดีอาระเบียจาก “การก่อการร้ายและมหาอำนาจ”
“เราถือว่าคุณเป็นพี่น้อง” เขากล่าว “เราถือว่าชาวเมกกะห์และมาดินะห์เป็นพี่น้องของเรา” เขากล่าวเสริม ซึ่งหมายถึงเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาอิสลามสองแห่งในซาอุดิอาระเบีย
ซาอุดิอาระเบียตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านเกือบสามปีที่ผ่านมา หลังจากที่ผู้ประท้วงชาวอิหร่านบุกสถานทางการทูตซาอุฯในอิหร่านเพื่อตอบสนองการประหารชีวิตของผู้นำมุสลิมชาวชีอะห์ “เชคนิมร์ อัลนิมร์”
ทั้งสองประเทศสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามในสงครามซีเรียและเยเมน
เรียกร้องโลกมุสลิมจับมือสู้สหรัฐฯ และไซออนิสต์
สปุตนิกรายงานว่า ในการประชุมเดียวกันนี้รูฮานีกล่าวว่า สหรัฐกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ และวอชิงตัน “โดดเดี่ยวมากกว่าที่เคย” ในกรณีแซงชั่นอิหร่าน
รูฮานียังได้เรียกร้องให้ชาวมุสลิมทั่วโลกรวมทั้งซาอุดิอาระเบียจับมือสามัคคีเพื่อจะมีชัยเหนือสหรัฐฯ และอิสราเอล
“วันนี้ โลกมุสลิมอยู่อย่างโดดเดี่ยว และชาวมุสลิมควรจับมือร่วมกัน การพึ่งพาบุคคลภายนอกเป็นความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุด วันนี้ไม่มีทางใดสำหรับมุสลิมแล้ว ยกเว้นความสามัคคีและมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และถ้าเรารวมกัน แน่แท้เราจักมีชัยชนะเหนือไซออนิสต์และชาวอเมริกัน” ” เขากล่าว
พร้อมปกป้องซาอุฯ ฟรีๆ
ในการแสดงความเห็นที่เกี่ยวพันกับซาอุดีอาระเบีย อีกอำนาจหนึ่งในตะวันออกกลางซึ่งถูกเรียกว่าเป็นคู่แข่งของเตหะราน รูฮานีเน้นว่า ชาวอิหร่านเห็นพวกเขาเป็น “พี่น้อง” และเตหะรานก็พร้อมที่จะปกป้องผลประโยชน์ของซาอุดิอาระเบียจาก “การก่อการร้าย การรุกราน และชาติมหาอำนาจ” โดยไม่คาดหวังอะไรตอบแทน
“เราจะไม่ร้องขอข้อตกลงมูลค่า 450 พันล้านเหรียญจากคุณ และจะไม่ดูถูกดูหมิ่นคุณในฐานะที่เราถือว่าคุณเป็นพี่น้องของเรา และเรามองว่าประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้รวมถึงชาวเมกกะห์และมาดินะห์อยู่ในฐานะพี่น้องของเรา” รูฮานีกล่าวตามรายงานของสปุตนิก
ถ้อยแถลงของรูอานีอ้างอิงถึงการรณรงค์การเลือกตั้งโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2016 (พ.ศ.2560) ที่เขาอธิบายว่า ซาอุดีอาระเบียเป็น “วัวนม” ในแง่ที่วอชิงตันขายอุปกรณ์ทางทหารที่มีราคาแพงให้กับราชอาณาจักรนี้
เนทันยาฮูสวนทันควัน
นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน นาทันยาฮู เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศแซงชั่นอิหร่าน หลังฮัสซัน รูฮานี กล่าวว่า อิสราเอลเป็นประเทศมะเร็งในตะวันออกกลาง
“อิสราเอลรู้ดีว่าจะป้องกันตัวเองอย่างไรจากระบอบการปกครองฆาตกรของอิหร่าน” เนทันยาฮูกล่าวในคืนวันเสาร์ตามรายงานของเยรูซาเล็มโพสต์ สื่ออิสราเอล
“การใส่ร้ายของรูฮานี ซึ่งเรียกร้องให้มีการทำลายอิสราเอลแสดงให้เห็นอีกครั้งว่า ทำไมประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องเข้าร่วมในการคว่ำบาตรต่อระบบการก่อการร้ายของอิหร่านที่คุกคามพวกเขา” เนทันยาฮูกล่าว