“อภิสิทธิ์” ปลุกลูกพรรค ปชป. ร่วมปีนเขา 2 ลูก เพื่อกลับมานำพาประเทศสู่ความรุ่งเรือง มีศักดิ์ศรียืนในโลกอย่างสง่างาม ลั่นพร้อมสั่งสอนพรรคพลังดูด ชี้มีอำนาจแค่ไหนก็สู้กับศรัทธาของประชาชนไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในงานเปิดตัวผู้สมัครส.ส.เขตในจังหวัดต่างๆและทั้งในกทม. รวมกว่า 40 คนนำโดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ว่า ขอขอบคุณนายเฉลิมชัยและทุกคนที่ยืนอยู่บนนี้ ตนรู้ว่าทำงานมาต่อเนื่อง เห็นว่านายเฉลิมชัยเป็นคนทำงาน จึงได้เสนอชื่อให้เป็นเลขาธิการพรรค ทำงานให้กับพรรคทำงานด้วยใจ พรรคประชาธิปัตย์อยู่มา 70 กว่าปีหัวหน้าพรรคมีแค่ 7 คน แต่มีเลขาธิการพรรคเยอะมาก และ 4-5 ปีที่ผ่านมา ตนและนายเฉลิมชัยร่วมกันคิดและทำงานมาด้วยกันตลอด เพราะคนที่เป็นนักการเมืองที่ดีต้องทุ่มเทตลอดเวลา วันนี้พรรคยังไม่ได้สรรหาผู้สมัคร แต่น่าจะภายในวันที่ 7 ธ.ค. เราจึงจะมีตัวแทนพรรคประจำจังหวัดครบถึงจะเข้าสู่กระบวนการสรรหา และรับฟังความคิดเห็นต่างๆตามกฏหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเพราะฉะนั้นที่คุณเฉลิมชัยบอกว่าเป็นหมอดูนั้น ก็ยังไม่แน่ แต่ผมให้โอกาสเต็มที่ เพราะมีหลายคนในพรรคที่ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่แรก แต่เขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความตั้งใจทำงานให้กับส่วนรวม สุดท้ายคือประชาชนใช้โอกาส และเป็นนักการเมืองที่มีความแข็งแกร่ง มีศักยภาพในการที่จะทำประโยชน์
“ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อสั่งสอนบางพรรคว่ามีอำนาจแค่ไหน ก็สู้กับศรัทธาของประชาชนไม่ได้ พวกที่ดูดๆ ผมขอท้าว่าถ้าคุณคิดว่าแน่จริง คุณลงเขตให้ผมดูสิ เห็นพอดูดไปได้ คนที่ดูดก็ไปลงบัญชีรายชื่อ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามขอให้มั่นใจว่าสิ่งที่เรายืนวันนี้เป็นคำตอบให้ประเทศ และถ้าเรามีความมุ่งมั่น มีความเข้าใจ ขยันเหมือนกับหลายคนที่ทำอะไร ก็เชื่อว่าในที่สุดความดีและความจริงจะเป็นสิ่งที่ประชาชนเขาต้องการ และจะให้เราสามารถนำพาบ้านเมืองออกจากสภาพปัญหาต่างๆได้ เรายังอยู่ที่ตีนเขาเหมือนกัน ไม่ได้อยู่ยอดเขา สนามการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ธรรมดา เราเห็นแล้วว่าเขาก็ทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ตนเชื่อว่าวันนี้เขารู้แล้วว่าหลายคนไม่กลัว
“เพราะฉะนั้นขอให้เราทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม พรรคจะเดินหน้าสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อที่จะปีนเขา 2 ลูก ลูกแรกคือต้องได้รับเลือกตั้งกลับมาเยอะๆ เพื่อให้พรรคได้กลับเข้ามาบริหารประเทศ เขาลูกที่ 2 คือเราจะช่วยกันบริหารประเทศให้กลับมามีความรุ่งเรือง ผมไม่ได้มองแค่ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่มองถึงศักดิ์ศรีของประเทศไทยในโลกอย่างสง่างาม”