เพรสทีวี – ความตึงเครียดล่าสุดที่ปะทุขึ้นและบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอล-รัสเซียมาจากการกรณียิงเครื่องบินรัสเซียตกในซีเรีย และมาคราวนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาปาเลสไตน์และความขัดแย้งในยูเครน
เมื่อเร็วๆ นี้ “ฮามาส” ขบวนการต่อต้านการยึดครองแห่งปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา กล่าวว่า “อิสมาอีล ฮานีเยะห์” หัวหน้าปีกการเมืองฮามาส จะเดินทางไปมอสโกในปลายเดือนธันวาคมนี้ตามคำเชิญอย่างเป็นทางการจากกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย
ฮามาสระบุว่า ในระหว่างการเยือนครั้งนี้ ฮานีเยะห์จะหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีและพัฒนาการทางการเมืองในปาเลสไตน์กับผู้นำของรัสเซีย
รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์ “ริยาด มาลิกี” ก็ได้รับเชิญให้ไปมอสโก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเขาจะร่วมวงประชุมกับฮานีเยะห์หรือไม่
คำเชิญจากรัสเซียถึงฮานีเยะห์ สร้างความไม่พอใจให้กับเทลอาวีฟ รายงานจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 10 ของอิสราเอลเมื่อวันอังคาร (18 ธ.ค.) ระบุว่า เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำกรุงมอสโก นายเกรี โคเรน ได้ส่งคำประท้วงอย่างรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ของรัสเซียในประเด็นดังกล่าว
เจ้าหน้าที่อาวุโสของอิสราเอลยืนยันว่า การประท้วงที่คล้ายกันนี้ถูกส่งไปยังสถานทูตรัสเซียในอิสราเอลด้วย
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่รัสเซียปฏิเสธคำร้องเรียนนี้ โดยอ้างว่า อิสราเอลก็กำลังเจรจากับฮามาส แม้ว่าจะเป็นทางอ้อมก็ตาม
ตามรายงานของทีวีช่อง 10 อิสราเอล ในระหว่างการสนทนากับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลารอฟ เกี่ยวกับประเด็นนี้ นายโคเรน ทูตอิสราเอลประจำมอสโกแสดงปฏิกิริยาทาบทามโดยกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ต้องการพบกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน แต่นายลารอฟเพียงพยักหน้าและไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด
รัสเซียได้เป็นเจ้าภาพการเจรจาหลายรอบ ซึ่งมุ่งสร้างการปรองดองระหว่างฮามาสและพรรคฟาตาห์ของปาเลสไตน์
อิสราเอลหนุนมติต่อต้านรัสเซียที่สหประชาชาติ
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 ธ.ค.) อิสราเอลโหวตเห็นชอบกับมติของสมัชชาสหประชาชาติที่ประกาศ “ความกังวลอย่างรุนแรงต่อปฏิกิริยาทางการทหารที่เพิ่มขึ้นในแหลมไครเมีย” และกระตุ้นให้มอสโก “ยุติการยึดครองชั่วคราวของตนต่อดินแดนยูเครน”
มติถูกรับรองด้วยคะแนนเสียง 66-19 โดยงดออกเสียง 72
การลงมติดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ถึงสองสัปดาห์ หลังจากที่รัสเซียโหวตต้านร่างมติของสหรัฐฯ ที่เสนอต่อสมัชชาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการประณามฮามาส ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวของสหรัฐฯ ประสบความล้มเหลวเนื่องจากไม่สามารถรวบรวมเสียงให้ถึงสองในสาม ซึ่งเป็นจำนวนเสียงส่วนใหญ่ที่จำเป็นในการผ่านร่างมตินี้
นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกและเทลอาวีฟก็ประสบความตึงเครียดอันเนื่องจากการส่งมอบระบบขีปนาวุธ S-300 ของรัสเซียไปยังซีเรีย หลังจากเครื่องบินขนส่งทางทหารของรัสเซียถูกยิงตกในช่วงที่อิสราเอลโจมตีซีเรีย
อีกทั้งอิสราเอลก็ไม่พอใจกับความร่วมมือของรัสเซียกับอิหร่านในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในประเทศซีเรีย
เทลอาวีฟได้ขอมอสโกหลายครั้งให้อิหร่านถอนที่ปรึกษาทางทหารออกจากพื้นที่ใกล้ดินแดนซีเรียที่ถูกอิสราเอลยึดครอง
อย่างไรก็ตามรัสเซียให้การยกย่องบทบาทสำคัญของอิหร่านในการต่อต้านการก่อการร้ายในซีเรีย โดยกล่าวว่าการปรากฏตัวของเตหะรานในประเทศที่ถูกฉีกทึ้งด้วยสงครามเป็นไปเช่นเดียวกับมอสโกที่อยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและไม่สามารถบังคับได้