สปุตนิก – ฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ จากทั้งสองฝั่งการเมือง ประณามนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ รวมถึงการถอนตัวออกจากซีเรียอันผลักดันให้รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เจมส์ แมททิส ต้องลาออก
“ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังผลักประเทศเข้าสู่ความโกลาหล” ผู้นำเสียงส่วนน้อยของวุฒิสภาสหรัฐฯ นายชัค ชูเมอร์ กล่าวในวันพฤหัสบดี (20 ธ.ค.) “ตลาดหุ้นตกลงอีก 500 จุด นายพลแมททิสลาออก และเรารู้ว่าเขามีความขัดแย้งกับประธานาธิบดีในเรื่องซีเรียและเรื่องสร้างกำแพง (กั้นอเมริกากับเม็กซิโก)”
ชูเมอร์กล่าวเพิ่มเติมว่า แมททิสเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์บางส่วนของความแข็งแกร่งและความมั่นคงของฝ่ายบริหาร ที่ขณะนี้ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
ด้านวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน มาร์โค รูบิโอ กล่าวว่า การลาออกของแมททิสทำให้เห็นได้ชัดว่าประเทศสหรัฐอเมริกากำลังมุ่งหน้าไปสู่ข้อผิดพลาดทางนโยบายที่ร้ายแรงอันจะเป็นอันตรายต่อประเทศ สร้างความเสียหายให้กับพันธมิตร และช่วยเสริมสร้างอำนาจให้ฝ่ายตรงข้าม
ส่วนวุมิสมาชิกดิ๊ก เดอร์บิน กล่าวว่า สหรัฐฯ ได้สูญเสีย “คนที่จะคอยชี้แนะ เมื่อประธานาธิบดีออกไปพูดโผงผางผ่านทวิตเตอร์ ที่เต็มไปด้วยความไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติของเรา”
วุฒิสมาชิก ลินด์เซย์ กราแฮม กล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ว่า แมททิสเป็นคนที่มีสติปัญญาและความซื่อสัตย์ ผู้ซึ่งเคยต่อสู้กับอิสลามหัวรุนแรงมมาหลายทศวรรษแล้ว และเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านการทหารและมารยาททางการทหารแก่ทรัมป์
ประธานสภาผู้แทนราษฎร พอล ไรอัน กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นประเทศที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับกิจการภายใน และมีอำนาจบังคับบัญชามากขึ้นในต่างประเทศ เพราะมีแมททิสเป็นหัวหอกด้านกลาโหม
ในวันพฤหัสบดี (20 ธ.ค.) แมททิสระบุในจดหมายลาออกว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่งในปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยระบุว่า เพื่อให้ทรัมป์ได้หารัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ที่มีมุมมองสอดคล้องกับตัวเขา การลาออกดังกล่าวเกิดขึ้นคล้อยหลังหนึ่งวันที่ทำเนียบขาวประกาศอย่างกระทันหันว่าสหรัฐฯ จะถอนกำลังออกจากซีเรีย
“เพราะคุณมีสิทธิที่จะมีรมต.กลาโหมที่มีมุมมองสอดคล้องกับคุณมากขึ้น … ผมเชื่อว่าเป็นการเหมาะสมสำหรับผมที่จะก้าวลงจากตำแหน่งของผม” จดหมายลาออกของแมททิสที่ส่งไปยังทรัมป์ระบุ
สหรัฐฯ ไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของตนได้โดยปราศจากการรักษาสัมพันธภาพอันเข้มแข็งและแสดงความเคารพต่อพันธมิตรต่างๆ แมททิสระบุในจดหมายลาออก
นอกจากนี้ แมททิสกล่าวว่า สหรัฐฯ ต้องใช้เครื่องมือทั้งหมดในการป้องกันรัสเซียและจีนซึ่งต้องการสร้างโลกที่สอดคล้องกับรูปแบบเผด็จการของพวกเขา เพื่อสนับสนุนผลประโยชน์ของพวกเขา โดยที่ค่าใช้จ่ายตกอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน