ชาติ จินดาพล ยกทีมเสริมทัพ “ภูมิใจไทย” ร่วมงานชื่นมื่น

“ชาติ จินดาพล” นักธุรกิจและนักกิจกรรมมุสลิม อดีตที่ปรึกษาผู้แทนการค้าไทย ยกทีมลงสนามการเมืองเข้าค่าย “ภูมิใจไทย” ร่วมงานชื่นมื่น

ชาติ จินดาพล

คนทั่วไปอาจจะคุ้นเขาด้วยนามสกุล “จินดาพล” ที่มีชื่อเสียงในสนามการเมืองจังหวัดชายฝั่งอันดามัน แต่ในแวดวงบุคคลชั้นนำของสังคมมุสลิมไทยน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก “ชาติ จินดาพล”

ตัวตนที่สำคัญของ “ชาติ จินดาพล” ในแวดวงมุสลิม เขาคือ “มิสเตอร์คอนเนคชั่น” ที่เปี่ยมไปด้วยสายสัมพันธ์ที่โยงใยไปทั่วทุกวงการทั้งในและต่างประเทศ

ดังนั้นด้านหนึ่งเขาจึงถูกรู้จักในฐานะนักธุรกิจและนักกิจกรรมมุสลิมผู้มากบารมี 

ขณะอีกด้านหนึ่งเขาคือนักวิจารณ์ฝีปากกล้า ผู้ยอมหักไม่ยอมงอ โดยเฉพาะต่อองค์กรและบุคคลระดับนำในสังคมมุสลิม 

การขุดคุ้ยตีแผ่เรื่องราวไม่ชอบมาพากล ในสิ่งที่ถูกเรียกว่า “ขยะซุกใต้พรม” ของสังคมมุสลิม แม้บ่มเพาะความโกรธเคืองอยู่บ้างจากผู้ที่ถูกเขาตั้งคำถาม แต่ก็ทำให้เขาได้ใจมุสลิมจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง

ชาติ จินดาพล กับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

นอกจากบทบาทของเขาที่โลดแล่นในแวดวงสังคมมุสลิม ในอดีตเขาก็มีบทบาทโดดเด่นอยู่เงียบๆ ในแวดวงการเมืองไทย

ครั้งหนึ่งเขาเคยร่วมมือทำงานกับ “พิเชษฐ สถิรชวาล” อดีตรมช.อุตสาหกรรมและรมช.คมนาคม จนสามารถปักธงส.ส.ให้ “พรรคไทยรักไทย” ในจังหวัดพังงามาแล้ว โดยสามารถทำให้ “นายกฤษ ศรีฟ้า” เอาชนะ นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ และกลายเป็นส.ส.คนเดียวในภาคใต้ของไทยรักไทยในการเลือกตั้งเมื่อปี  พ.ศ. 2548 

ชาติคืออดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้ง เขต 24 สะพานสูง- ประเวศ ให้กับ ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งที่มีการปิดคูหาประท้วง

และ “ชาติ จินดาพล” คนเดียวกันนี้ที่อยู่เบื้องหลังและผลักดันให้ “พิเชษฐ สถิรชวาล” ผันตัวเองเข้าสู่สังคมมุสลิม และสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย” โดยมีเขาทำหน้าเป็นกุนซือและผู้ช่วยผลักดันงาน

ในช่วงที่ “พิเชษฐ สถิรชวาล” ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ชาติ” ก็ได้ติดตามไปทำงานในตำแหน่ง “ที่ปรึกษาผู้แทนการค้าไทย”

“ผมชอบงานที่ท้าทาย งานที่ใครๆ เขาว่ายาก ชอบทำงานที่ใครเขาว่าเป็นไปไม่ได้ ตอนที่ผมทำงานผลักดันช่วยคุณพิเชษฐ สถิรชวาล ลงแข่งขันในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ใครๆ ก็ปรามาสว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ผมก็สามารถทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ในที่สุด” ชาติ กล่าวกับเดอะพับลิกโพสต์

แม้ที่ผ่านมา บทบาทของเขาจะวนเวียนอยู่ในฐานะ “กุนซือ” หรือ “อยู่เบื้องหลัง” มากกว่าที่จะกระโดดมาเล่นในสนามการเมืองด้วยตนเอง กระนั้นก็กล่าวได้ว่า เขาคือคนในวังวนการเมืองไทยโดยแท้

จนกระทั่งเมื่อเสียงปี่กลองการเมืองไทยเริ่มบรรเลงโหมโรงอีกครั้ง “ชาติ จินดาพล” ก็เริ่มเคลื่อนไหวตามประสาคนการเมือง

ชาติบอกว่า “ทีมของผม ซึ่งเรียกกันติดปากว่า ‘ทีมชาติ’ เดิมทีเราคิดว่าจะตั้งพรรคของเราเอง เราจดทะเบียนพรรคไว้แล้ว เรามีคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเครือข่ายของเราอยู่ราว 3 ล้าน เป็นเลือดใหม่ของวงการเมือง  แนวคิดตอนนั้นเราหวังว่าจากจำนวนนี้ถ้าเราดึงมาได้ประมาณแปดแสนคน เราก็จะมีส.ส.จำนวนหนึ่งที่สามารถผลักดันนโยบายของเราได้”

แต่หลังจากพิจารณาปัจจัยหลายอย่างและความเป็นไปได้ในหลายทางอย่างถี่ถ้วนแล้ว “ตอนนี้ได้ข้อสรุปแล้วและผมเลือกแล้วว่า จะนำทีมของผมเข้าทำงานทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย” ชาติ บอกกับผู้สื่อข่าว 

อย่างไรก็ดี ชาติบอกว่า เขาไม่ได้ลงสมัครเลือกตั้งส.ส.ด้วยตนเอง แต่จะอยู่ในฐานะที่ปรึกษาและกุนซือตามแนวที่เขาถนัด กระนั้นเขาก็ประกาศหนักแน่นว่าจะทุ่มให้กับการเลือกตั้งครั้งนี้เสมือนกับกระโดดเข้าสู่สนามเลือกตั้งด้วยตนเองอย่างเต็มตัว

“เราดึงทีมชาติทั้งหมด ทั้งภาคใต้มาช่วยเสริมที่พรรคภูมิใจไทยซึ่งเขามีอยู่แล้ว โดยเฉพาะการปักธงในปักษ์ใต้ ซึ่งแน่นอนว่าพรรคมีตัวเลขในใจอยู่แล้ว แต่เราก็จะมาช่วยเสริมลุยอย่างเต็มที่ มาช่วยอย่างจริงจัง เพื่อต้องการปักธงภูมิใจไทยให้ได้มากขึ้น”

เหตุผลที่เขาตัดสินใจไปอยู่ “พรรคภูมิใจไทย” ชาติบอกว่าเพราะ “โดนใจ” คอนเซ็ปต์ของพรรคภูมิใจไทย เรื่อง “ลดอำนาจรัฐ  เพิ่มอำนาจของประชาชน” 

“แนวคิดนี้ ก็เพื่อให้ประชาชน มีสิทธิ เสรีภาพ และมีอํานาจ ในการใช้ทรัพยากรท้ังของส่วนตน และของชาติ ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด”

“หากใครได้ติดตามนโยบายพรรคภูมิใจไทยมาโดยตลอดก็จะทราบว่าหมายความอย่างไร แต่ก็มีหลายคนที่อาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่า คือการกระจายอำนาจการปกครองไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นคนละมิติกัน”

“หลักการ ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน ในมิตินี้ คือหลัก Sharing  Economy หมายถึง รูปแบบเศรษฐกิจ แบบว่าใครมีอะไรที่เป็นทรัพย์สินก็เอาออกมาแชร์ในรูปการเช่า เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของสินทรัพย์ การเกิดขึ้นของรูปแบบเศรษฐกิจนี้ เป็นผลพวงจากที่มีอินเตอร์เน็ตในการเข้าถึงกันได้โดยง่าย โดยมีแพลตฟอร์มหรือพื้นที่อะไรสักอย่างเป็นตัวกลางในการเป็น market share เช่น Airbnb, Uber, Grab ซึ่งในไทยยังถือว่ายังไม่ถูกกฎหมาย”

“การนำเสนอแนวคิด ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน คือ การแก้กฎหมายในหลายๆ ด้าน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกฎหมายมากขึ้น เป็นการแก้ไขกฏหมายบางอย่างที่มีมานานแล้วและก่อให้เกิดปัญหาในการทำมาหากินของประชาชน แต่ไม่ได้ลดอำนาจจากส่วนกลาง หรือลดอำนาจในส่วนของการปกครองท้องถิ่นด้วย เพราะบางท้องถิ่นมีการออกกฏ ระเบียบ เพื่อบังคับใช้ในพื้นที่ แต่บางอย่างมันมีปัญหาในทางปฏิบัติ”

“ดังนั้น อะไรที่ออกมาแล้วมีผลกระทบกับประชาชนในท้องถิ่นก็ต้องมาพิจารณาหาทางออกแก้ไขร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชนมีเสรีภาพในการประกอบอาชีพสร้างรายได้ โดยไม่ขัดกับกฎระเบียบที่ท้องถิ่นออกมาบังคับท้องถิ่นนั้นๆ”

“โดยสรุป ยุทธศาสตร์ของพรรค ในการลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน ก็เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะฉะนั้นสำหรับผมจึงเป็นจุดที่โดนใจมาก” ชาติกล่าวหนักแน่น

นอกจากนั้น เขายังมองว่า การที่ภูมิใจไทยเป็นพรรคขนาดกลางก็เป็นจุด ที่ลงตัวสำหรับเขาและทีมงาน

 “บ้านใหญ่อยู่ลำบาก บ้านขนาดกลางน่าจะอยู่สบายใจกว่า ข้อดีคือก้าวข้ามความขัดแย้ง สามารถแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้านได้ ไปทางไหนก็ได้ที่อยู่เคียงข้างประชาชน”

“บุคลากรของพรรคเราได้ทำอะไรมาบ้างแล้ว ง่ายๆ เลยคุณลองมองไปที่บุรีรัมย์ คุณเห็นเลยว่ามันเป็นโมเดล จากบ้านเมืองที่ไม่มีอะไรเลย ทำไมเขาสร้างขึ้นมาได้ ทำไมเขาดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าไปได้ ทำให้ประชาชนในบ้านเขาได้มีอาชีพ อยู่ดีกินดี แนวคิดมันชัดเจน เห็นเป็นรูปธรรม จับต้องได้”

ชาติ จินดาพล ยังกล่าวถึงสังคมมุสลิมว่า ไม่อยากให้มุสลิมตกเป็นเครื่องมือของความขัดแย้งทางการเมือง 

“อยากให้มุสลิมพิจารณาพรรคที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง มองข้ามความขัดแย้ง  มุ่งแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องทุกครัวเรือน และเป็นการดีกว่าในการหันมาพิจารณาพรรคทางเลือก ที่สามารถร่วมกันคิดร่วมกันทำ ร่วมกันพัฒนา”

“มีประเด็นไหนที่อยากจะให้ทางพรรคนำเสนอ หรืออยากนำเสนอทางพรรค หรือนำเสนอให้เป็นนโยบายในการทำงาน ก็อยากจะให้ทุกคนร่วมกันคิดร่วมกันทำ”

“ส่วนผมเองเมื่อเข้าไปแล้ว ก็จะใช้โอกาสนี้ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมุสลิม และในฐานะที่ผมเองได้คลุกคลีกับกลุ่มธุรกิจในตะวันออกกลางมาอย่างยาวนาน ก็จะเป็นการดีที่จะได้ทำงานร่วมกัน จะได้มีข้อเสนอดีๆ จากทางตะวันออกกลางมาสู่ประเทศไทยเรา เพื่อที่จะได้นำนโยบายต่างๆ มาสานต่อให้เป็นความจริงได้”

“ถ้าเป็นพรรคอื่นไม่สามารถจะทำได้ง่าย เพราะบ้านหลังใหญ่มันอยู่กันลำบาก แต่ผมมาอยู่ตรงนี้เหมือนกับว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่เล็กก็ไม่เล็ก ใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เป็นบ้านที่มีความอบอุ่น” ชาติ จินดาพล กล่าวทิ้งท้าย

นับจากนี้ สนามเลือกตั้งในเขตพื้นที่มุสลิมจากชายฝั่งอันดามันไปจรดชายแดนใต้จึงเป็นสมรภูมิเดือดที่น่าจับตาอย่างยิ่ง!!