เมืองไทยที่คุณหลงรัก “อัมพวา” ตลาดน้ำยามเย็น “ชิม ช๊อป ชม กี่ครั้งก็ไม่เบื่อ”

“ไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวากันดีกว่า” เมื่อเกิดอาการชีพจรลงเท้าในวันหยุด อยู่ว่างๆ แล้วร้อนรน เพราะอยากเที่ยว เราก็ไม่รีรอที่จะชวนเพื่อนๆ ทันที เป้าหมาย” คือ “เที่ยวตลาดน้ำ”   เหตุผลเพราะ ของกินที่หลากหลาย ราคาไม่แพง ใกล้กรุงเทพฯ ได้อุดหนุนสินค้าไทย “ไทยทำ ไทยใช้   ไทยรวย ไทยเจริญ”

ตลาดอัมพวาเปิด 15.00 น. ทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์  อัมพวาเป็นตลาดน้ำริมคลองแม่กลอง ตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม  ในอดีต อัมพวาเคยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญของจังหวัด

สมุทรสงคราม    และในปัจจุบัน อัมพวาก็ยังคงอนุรักษ์รูปแบบการตั้งบ้านเรือนริมแม่น้ำที่ค่อนข้างสมบูรณ์  ภาพเด็กๆ แก้ผ้ากระโดดเล่นน้ำในคลองยังเห็นได้เสมอ  ผู้คนสัญจรไปมาทางเรือยังเป็นเรื่องปกติ พ่อค้าแม่ค้าบ้านอยู่ริมคลอง พายเรือนำสินค้าจากในสวนที่ปลูกเอง มาขายขำๆ แก้เหงา ก็ยังมีให้เห็นตลอด

การเดินทางของเราสะดวกมาก  เพราะอัมพวาไม่ไกลกรุงเทพฯ สามารถนำรถไปจอดที่วัดภุมรินทร์กุฎีทองได้(อยู่ฝั่งตรงข้ามตลาดอัมพวา) ไม่ต้องแย่งที่จอดรถกับคนอื่น  แล้วเดินไปนั่งเรือข้ามฟากราคา 3 บาท ขากลับ ถ้าเรือยังไม่มา ก็ให้ขอเบอร์โทรคนขับเรือ แล้วโทรให้มารับที่ท่าเรือได้เลย อารมณ์ประมาณว่า “เหมาเรือส่วนตัวเที่ยวชมวิวแม่น้ำแม่กลองในราคาคนละ 3บาท” แต่พวกเราเป็นสาวใจดี  เลยมีทิปพิเศษให้พขร.(พนักงานขับเรือ) ให้ไปเลย 3คน 20บาท ยังไงก็คุ้ม เพราะเที่ยวนี้ มีแค่เรา 3 คน

ตลาดน้ำอัมพวาเน้นของกิน ของฝาก  ของกินเป็นของมีชื่อ แหม่  ก็ต้องมีชื่อซิ (ถ้ามุกฝืดต้องขออภัย เพราะไม่รู้จะบอกยังไง) เช่น  ขนมจีน หอยทอด ผัดไทย ก๋วยเตี๋ยว กุ้งอบวุ้นเส้น  ส้มตำ ข้าวแกงฯลฯ  ขนมหวาน  ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมทองเอก ขนมหม้อแกง ฯลฯ เห็นแล้วน้ำลายสอทันที  ยังมีขนมโบราณที่เราอาจไม่เคยกิน ไม่เคยเห็น “ขนมวง” เป็นขนมที่ทำจากแป้งโรยหน้าด้วยน้ำตาลมะพร้าว เห็นแล้วต้องชิม  ร้านค้าเหล่านี้ตั้งอยู่ริมคลอง และริมทางเดิน เลือกซื้อได้ตามสบาย “ถ้าใจชอบ ก็จัดไปค่ะ”

แต่ ถ้ายังไม่หนำใจ ยังสามารถเลือกซื้อของกินจากพ่อค้าแม่ค้าที่พายเรือขายอยู่ในคลองได้ เช่น ผลไม้จากสวน หมึกย่าง กุ้งย่าง หอยเผาที่แนมด้วยผักพื้นบ้าน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ ยังไม่อิ่มก็ยังมี ข้าวไข่เจียว ผัดไทยโบราณ ขายอยู่ในเรือให้เลือกสั่งได้

ชิมของอร่อยจนอิ่มแปล้แล้ว  เราก็ไปเดินย่อย เที่ยวชม  แล้วช้อปสินค้าติดมือเป็นของฝากกลับบ้าน เช่น โปสการ์ดสวยๆ เสื้อยืดเก๋ๆ สกรีนชื่อตลาดน้ำอัมพวา ของที่ระลึกแปลกๆ อาหารทะเลแห้ง ปลาหมึก หอย กุ้ง ปู ปลาทูสดของดีของอร่อยที่แม่กลอง ฉายา “หน้างอ คอหัก”ที่กินอร่อยจนกินปลาทูที่อื่นไม่ได้แล้ว

ระหว่างเดินเล่น ก็ซื้อปลาหมึกบดมาเคี้ยวเพลินๆ  ถ้าหมึกบดยังเพลินไม่พอ จะต่อด้วยไข่หมึกกับน้ำจิ้มแซ่บๆอีกก็ได้   ไอติมกะทิหวานๆ มันๆ รองด้วยขนมปังผ่าซีกใส่ข้าวเหนียวมูลเพิ่มก็ไม่น่าพลาด  ถ้าหิวน้ำ ก็มีน้ำสมุนไพรในหม้อดินให้เดินถือไปดื่มไป   หรืออยากดื่มน้ำตาลสดหอมหวานก็มีขาย น้ำตาลสดหอมอร่อยเพราะอยู่ใกล้เมืองเพชรฯ หวานจริง อร่อยจริง จนต้องซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน  แล้วก็ยังมีไอศครีมโฮมเมดรสบ๊วยเค็มให้กินล้างปากอีก  เรียกว่า “น่ากินไปทุกอย่าง”

ไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา ก็ไม่ควรพลาดนั่งเรือชมความงามยามค่ำคืน ชมหิ่งห้อยในคลองผีหลอก(ก่อนที่จะไม่มีให้ชมอีกต่อไป)  หิ่งห้อยที่อัมพวาเป็นหิ่งห้อยน้ำกร่อย ส่องแสงกระพริบๆ พร้อมกันเป็นหมื่นๆตัว ชวนให้ตื่นตาตื่นใจ มองไปมองมาเหมือนไฟกระพริบดวงเล็กๆ ที่ประดับตามต้นไม้ในวันคริสมาสต์  แต่หิ่งห้อยที่อัมพวาไม่ได้เลือกเกาะเฉพาะต้นลำพู  ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ริมน้ำ เช่น ต้นหูกวาง หิ่งห้อยก็ไปอาศัยเกาะ เผลอๆ ไปเกาะตามเสาไฟฟ้าริมน้ำด้วยซ้ำ  เพราะปัจจุบันนี้ เสาไฟฟ้าที่อัมพวาเริ่มมีมากพอๆ กับต้นไม้แล้ว  เจ้าหิ่งห้อยก็ต้องปรับตัวกันบ้างเป็นธรรมดา

ตลาดน้ำอัมพวา ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ยังคงสร้างความประทับใจเสมอ

บอกลาตลาดน้ำอัมพวา ระหว่างนั่งเรือข้ามฟากกลับ นั่งมองดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ณ  สุดขอบแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งดูงดงามเหมือนภาพวาด  หลังจากชิม ชม ช้อป จนรู้สึกว่าตัวหนักขึ้น แต่กระเป๋าสตางค์เริ่มเบาลง จากการชิม ช้อป”  แต่ ตลาดน้ำอัมพวา “ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ อยากไปเที่ยวอีกหลายๆ ครั้ง”  นอกจากของกินที่มีมากมายและหลากหลายแล้ว เรายังได้สัมผัสธรรมชาติของวิถีชีวิตชุมชนริมน้ำในท้องถิ่นดั่งเดิม ซึ่งชาวบ้านยังคงอนุรักษ์ไว้ให้ใกล้เคียงกับวิถีชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิมจริงๆ เพื่อลูกหลานและคนต่างถิ่นได้มาชื่นชม  และสิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากเมืองกรุงให้ดั้นด้นไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาและรู้สึกประทับใจจนต้องกลับไปอีกครั้งและอีกครั้ง

“เราสัญญาว่าจะกลับไปตลาดน้ำอัมพวาอีกครั้ง เพราะเราไม่ได้แค่ชอบ แต่รักไปแล้ว”