“พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์” หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้คนใหม่ เน้นย้ำคุยกับทุกกลุ่ม แบบไม่เป็นทางการ และแยกโต๊ะคุย ไม่ปฏิเสธเขตปกครองพิเศษ
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา สภาความมั่นคงแห่งชาติ จัดบรรยายสรุปเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลไทยเรื่อง “กระบวนการเจรจาสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้” กับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) โดยมี “พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์” หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ พร้อมคณะ มาเป็นผู้ให้ข้อมูล
“คณะพูดคุยของผมยึดถือหลักการสำคัญอยู่ 3 ประการ” “พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์” หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ เริ่มต้นกล่าวกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศหลายสิบชีวิต
“ประการแรก เคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์กับกลุ่มที่เราพูดคุยด้วย ไม่ว่าเขาจะเป็นกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงหรือไม่ใช้ความรุนแรง หรือกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลในการปฏิบัติงานก็ดี”
“ประการที่สอง คำนึงถึงคนส่วนรวมของประเทศ ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ แต่เราก็ไม่ละเว้นที่จะดูแลเสียงส่วนน้อย ไม่ว่าในแง่กลุ่มใดก็ตาม เราก็จะดูแลเขา”
“และประการสำคัญ เราทำงานเพื่ออนาคตของลูกหลานของพวกเราที่จะก้าวเข้าไปสู่ยุคไฮเทคโนโลยีที่โลกกำลังเผชิญอยู่ เราต้องประคับประคองเขาให้ออกจากความขัดแย้งและความรุนแรงให้ได้”
“พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์” หรือ “บิ๊กเมา” เป็นอดีตนายทหารที่ทำงานในพื้นที่ภาคใต้ยาวนานกว่า 30 ปี กระทั่งได้ขึ้นมาเป็น “แม่ทัพภาคที่ 4” เจ้าของนโยบาย “สานใจสู่สันติ” ผู้ริเริ่ม “โครงการพาคนกลับบ้าน” อันโด่งดัง ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาถูกจัดเป็นนายทหารสายพิราบ มุ่งเน้นใช้แนวทางสันติมากกว่าความรุนแรง
หลังเกษียณราชการซึ่งเป็นห้วงจังหวะที่รัฐบาลคสช.เข้ามามีอำนาจ เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะ “ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล” แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือที่ถูกเรียกขานกันว่า “ครม.ส่วนหน้า” และยังดำรงตำแหน่งทั้งสองมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อ ดร.มหาเดร์ มูฮัมหมัด ขึ้นมาเป็นนายกฯมาเลเซียคนใหม่อีกคำรบ และได้แต่งตั้งมือขวาอย่าง “ตัน สรี อับดุลราฮิม นูร์” เป็นผู้อำนวยความสะดวกฯ คนใหม่ ทางไทยก็ได้เปลียนตัวหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้คนใหม่ จาก “พล.อ.อักษรา เกิดผล” มาเป็น “พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์”
พล.อ.อุดมชัยอธิบายงานของเขาว่า “งานพูดคุยนั้นเป็นงานสื่อสารระหว่างรัฐกับผู้ถูกปกครองหรือประชาชน เมื่อประชาชนมีความเห็นต่างกันก็ต้องสื่อสารกัน ทั้งที่รุนแรงและไม่รุนแรง ดังนั้นภาระหน้าที่ของกลุ่มผมที่สำคัญก็คือ การพูดคุยเพื่อลดความรุนแรงระหว่างรัฐกับผู้ที่เห็นต่าง หรือผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่แล้วทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมา”
บิ๊กเมาบอกชัดเจนว่า คณะของเขาไม่ใช่คณะเจรจาสันติภาพหรือเจรจาหยุดยิง และย้ำว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่ปลายด้ามขวานนั้นเป็นปัญหาภายในของไทย
“ผมไม่ได้ไปเจรจาสันติภาพอะไรกับใคร เพราะว่าเป็นปัญหาภายใน ผมย้ำว่าเป็นปัญหาภายในของเรา ที่เราพูดคุยกันเอง” เขากล่าว
“หน้าที่ของคณะพูดคุยของเราคือ การหาทางออกจากความขัดแย้งหรือความรุนแรง ผมไม่ได้มีหน้าที่ไปบังคับให้เหตุความรุนแรงมันหมดไป” พล.อ.อุดมชัยตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรอบหน้าที่ของคณะเขาและว่า “ผมได้บอกตันสรีราฮิมว่า ในการพูดคุยของผม ผมไม่ได้เรียกร้องว่าต้องหยุดยิงแล้วค่อยคุยกัน ผมจะไปรับความเห็นต่างที่เขามีแล้วเขาไปก่อเหตุรุนแรงมาเพื่อแก้ไข… นี่คือประเด็นหลักของการพูดคุย”
มาเลฯ ตอบแทนบุญคุณไทยช่วยเจรจาโจรจีนมาลายา
พล.อ.อุดมชัย กล่าวถึงกรณี รัฐบาลมาเลเซียภายใต้การนำของดร.มหาเดร์รับเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ไทยในการแก้ไขปัญหาภายในของไทยว่าเป็นการ “ผลัดเปลี่ยนหน้าที่กัน จากเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ที่นายกมาเลกับตันสรี (ราฮิม) เป็นคู่เจรจา ไทยเป็นผู้อำนวยความสะดวก”
ความหมายที่เขาอ้างถึง คือการพูดคุยเจรจากับโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) ที่หลบหนีการปราบปรามของรัฐบาลมาเลเซียเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการและเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนไทย–มาเลเซีย จนได้มีการลงนามในความตกลงเพื่อยุติสถานการณ์การต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธเมื่อปีพ.ศ. 2532 ซึ่งถือเป็นการยุติบทบาทของโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายาตั้งแต่นั้น
“ณ วันนี้ นายกมาเลเซียประกาศชัดเจนว่า ต้องการตอบแทนบุญคุณไทยในการแก้ไขปัญหา นี่คือประเด็นที่ผมอยากจะสื่อสารออกไปให้พี่น้องทั่วโลกได้เข้าใจถึงความตั้งใจจริงของมาเลเซียในการที่จะช่วยเราแก้ปัญหาในฐานะเป็นผู้อำนวยความสะดวก” พล.อ.อุดมชัย กล่าว
คุยทุกกลุ่ม แบบ “ไม่เป็นทางการ” ไม่มีกรอบเวลา
“ผมได้พบปะกับตันสรีราฮิม และบอกเขาว่า แนวทางที่เราทำนั้น นายกรัฐมนตรีไทยท่านให้เวลา ไม่ต้องการที่จะบังคับใครทั้งสิ้นในการเข้ามาพูดคุย และการพูดคุยของเราเราไม่ได้พูดกันถึงเรื่องการหยุดยิง เพราะเป็นเรื่องปรกติธรรมดา กลุ่มที่ใช้ความรุนแรงเขาก็ดำเนินการไป ผมไม่อยากให้เกิดเป็นข้อต่อรอง”
“คณะผมอยากฟังความเห็นต่างของเขา ด้วยตัวของพวกเราเอง ไม่ใช่สื่อสารผ่านทางสื่อทั้งหลายเข้ามา ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องของการปฏิบัติการทางข่าวสาร ผมยึดมั่นในศักดิ์ศรีแห่งความเป็ฯมนุษย์ของทุกคน มาพูดคุยกัน ให้เวลาเขา” หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ กล่าว
สำหรับลักษณะรูปแบบการคุยนั้น พล.อ.อุดมชัย บอกว่า จะเป็นการคุยแบบ “ไม่เป็นทางการ” และต้องการให้ฝ่ายเห็นต่างมีเวลาและเปิดอกคุยกัน โดยเขาให้คำมั่นเรื่องรักษาความลับ “จะต้องให้เวลาในการพูดคุย และรักษาความลับให้เขา ถ้าคนไหนไม่ต้องการเปิดเผย ผมพร้อมรักษาความลับให้ ด้วยเกียรติของคณะเรา เพราะว่าเราต้องการแก้ไขปัญหา”
และสำหรับกรณีที่มีการกล่าวถึงกันขั้นตอนการลงนามหลังการเจรจาพูดคุยนั้น พล.อ.อุดมชัยอธิบายว่า “เรื่องที่สำเร็จแล้ว หรือคุยกันตกลงกันแล้ว ถ้าเราสามารถปฏิบัติเราก็จะบอกเขาเลยว่า ปฏิบัติอะไรเสร็จแล้วบ้าง จะเห็นได้ว่าไม่จำเป็นจะต้องลงนามอะไร แต่ถ้าจะต้องถึงขั้นลงนาม ผมเอง คณะผม ต้องขออนุญาตนายกรัฐมนตรี”
“อาจจะมีการพูดเรื่องลงนามหรือไม่ลงนาม ผมว่าประเด็นนี้คงตัดไปจากคณะผม ผมก็จะรับเรื่องราว รายงาน ขออนุมัติ ท่านนายกฯ เพื่ออันนี้ควรลงนาม โดยมีก.ต่างประเทศดูแล”
“หลังจากที่คุยกันอย่างไม่เป็นทางการ ประเด็นใดที่ต้องการเอามาให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ควรจะเปิดเผยเป็นทางการ เราก็จะนำเอาขึ้นมาบนโต๊ะพูดคุยเพื่อสื่อกับสาธารณะให้เห็น”
“เราจะคุยกับทุกกลุ่ม ทั้งที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยแล้วใช้ความมรุนแรง เราจะไม่ทิ้งส่วนหนึ่งส่วนใดไว้ข้างหลัง อันนี้คือแนวทางหรือทิศทางที่จะพูดคุยกัน” พล.อ.อุดมชัย กล่าว
นอกจากนั้นเขายังบอกกับผู้สื่อข่าวว่า แม้จะเป็นการพูดคุยกับทุกกลุ่ม แต่ก็จะเป็นการแยกกลุ่มคุย “เพราะว่าแต่ละกลุ่มอาจจะมีแนวทางและทัศนะที่ต่างกัน เราจะคุยแบบไม่เป็นทางการเป็นหลัก เพื่อจะให้โอกาสเขาได้พูดคุยได้เต็มที่ แสดงถึงเจตนารมณ์หรือความเห็นที่แตกต่างกัน ให้เขามีเวลาพอ เราจะได้เข้าใจตรงกันในการแก้ไขปัญหา เพราะฉะนั้นทุกกลุ่ม(จึงคุย)ไม่เป็นทางการ แล้วจึงค่อยเป็นทางการในสรุปสุดท้าย”
ไม่ปฏิเสธเขตปกครองพิเศษ
สำหรับแนวทางของดร.มหาเดร์ นายกรัฐมนตรี ที่ได้นำเสนอแนวทางเรื่องเขตปกครองพิเศษนั้น พล.อ.อุดมชัย กล่าว่า “ทางเราต้องขอบคุณในคำแนะนำ และเราก็คงนำมาพิจารณาร่วมกัน ว่ามันมีระดับหรือจะเรียกว่าอะไรที่ทำให้เราดูแล้วไม่มีปัญหาต่อความรู้สึกการอยู่ร่วมกันในส่วนรวม”
“นายกรัฐมนตรีไทย บอกว่าลองไปดูว่าการกระจายอำนาจกับเรื่องนี้มันจะเรียกอย่างไรให้เหมาะสมกับความรู้สึกร่วมกัน”
ผมย้ำอีกครั้ง ทางมาเลเซีย โดยเฉพาะดร.มหาเดร์พูดชัด “เพื่อตอบบแทนบุญคุณไทย ความสงบรุ่งเรืองที่จชต.นั้นจะทำให้เขตนี้เจริญรุ่งเรืองต่อไป” พล.อ.อุดมชัย กล่าว
ชมคลิป (ขอบคุณคลิป FCCT)