จากฮากีมถึงราฮาฟ จากคาช็อกจีถึงฮาเชมี “สิทธิ-เสรีภาพ”จะถูกปกป้อง ต้องดูว่าคุณคือคนของใคร!!

(จากซ้ายไปขวา) ราฮาฟ โมฮัมหมัด, ฮากีม อัล อาไรบี, จามาล คาช็อกจี, มาร์ดีเยะห์ ฮาเชมี

เอาเข้าจริง “สิทธิมนุษยชน -เสรีภาพส่วนบุคคล – เสรีภาพสื่อ” จะได้รับการปกป้องก็ต้องดูว่าเขาเป็นคนของใคร มีผลประโยชน์ “ทางตรง” หรือ “ทางอ้อม” ต่อ “อเจนด้า” ของผู้เคลื่อนไหวหรือไม่

สาวซาอุฯ หนีครอบครัว “ราฮาฟ โมฮัมหมัด” ได้รับความสนใจจากองค์กรสิทธิฯ ทั้งในไทยและระดับโลก รวมทั้งหน่วยงาน UNSCR ที่ยื่นมือช่วยเหลือ

แต่ชะตากรรม “ฮากีม อัล อาไรบี” นักฟุตบอลบาห์เรน ที่ได้สถานะผู้ลี้ภัยในออสเตรเลีย และมาถูกจับขณะเที่ยวไทย เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ก็ยังถูกทางการไทยกักตัวไว้จนถึงตอนนี้ และมีความเป็นไปได้ที่จะถูกส่งตัวไปยังบาห์เรน ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

ในกรณี “ราฮาฟ” แม้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ ที่ชัดเจน นอกจาก “คำกล่าวอ้าง” ของเธอ “เพียงฝ่ายเดียว” ว่าเธออาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากถูกส่งกลับซาอุฯ แต่องค์กรสิทธิฯ และหน่วยงานระดับโลกก็กระวีกระวาดกดดันไทย ยื่นมือช่วยเหลืออย่างกระตือรือร้น จนได้ลี้ภัยไปแคนาดาอย่างรวดเณ้วภายใน 2-3 วัน

กลับกัน กรณีของ “ฮากีม” ที่ชัดเจนว่าเขาลี้ภัยทางการเมืองจากบ้านเกิด และได้การรับรองสถานะผู้ลี้ภัยจากสหประชาชาติให้พำนักในออสเตรเลียแล้ว และแน่ๆ ว่าจะถูกทรมานและอาจถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตหากถูกส่งกลับบาห์เรน ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าการถูกควบคุมตัวของเขาโดยทางการไทยมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ก็แทบไม่ได้รับความสนใจจากสื่อและองค์กรสิทธิฯ เท่าใดนัก

เนื่องจากวันนี้ “ซาอุฯ” อยู่ในสปอร์ตไลท์ของโลก เป็นตำบลกระสุนตกจากกรณีคาช็อกจี และโจมตีเยเมน เมื่อมีกรณี “ราฮาฟ” เข้ามา ทุกฝ่ายที่มีอเจนด้าก็พากันเฮโลเข้ามารุมกระทืบซ้ำ เหมารวมไปหมดโดยปราศจากข้อพิสูจน์ชัดเจนว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนโยบายระดับชาติของซาอุฯ หรือเป็นเพียงเรื่องของ “เด็กใจแตก” หนีออกจากบ้าน

กรณีของ “คาช็อกจี” นักช่าวซาอุฯ ก็เช่นกัน ได้รับความสนใจจากสื่อ นักสิทธิ และองค์กรระหว่างประเทศอย่างท่วมท้น

แต่กรณีของ “มาร์ดีเยะห์ ฮาเชมี” นักข่าว “เพรสทีวี” เครือข่ายสื่อโทรทัศน์ภาษาอังกฤษของอิหร่าน ที่ถูกสหรัฐฯ จับกุมตัวและคุมขัง ขณะเดินทางกลับสหรัฐฯ เพื่อไปเยี่ยมครอบครัว ดูเหมือนว่าปราศจากเคลื่อนไหวใดๆ จากทั้งองค์กรสิทธิฯ และหน่วยงานข้ามชาติ ทั้งที่เธอถูกละเมิดสิทธิร้ายแรง ไม่ว่าถูกควบคุมตัวโดยปราศจากข้อหา ถูกตีตรวน ถูกปลดฮิญาบ บังคับใส่เสื้อยืดแขนสั้น ไปจนกระทั่งเอาอาหารที่มีหมูให้กิน

ในแคนาดา “ราฮาฟ โมฮัมหมัด” จะถอดฮิญาบ เอร็ดอร่อยในการกิน “เบคอนหมู” วางแก้วกาแฟสตาร์บัคส์บนขาที่ใส่กระโปรงสั้นจุดจู๋อวดขาเปลือยเปล่า ก็คงเป็นสิทธิส่วนตัวของเธอ หลังหมดศรัทธาในอิสลาม

แต่ “มัรดีเยะห์ ฮาเชมี” ก็ควรมีสิทธิที่จะปฏิเสธการกินหมูและได้รับอาหารฮาลาล มีสิทธิที่คงฮิญาบไว้บนศีรษะตามความเชื่อความศรัทธาของเธอ

แม้รู้ว่าโลกนี้มันโหดร้าย แต่ก็ยังหวังว่าคนที่ด่าซาอุฯ ปาวๆ กรณีคาช็อกจี จะมีบ้างที่ออกมาเคลื่อนไหวด่าสหรัฐฯ กรณี “มาร์ดีเยะห์ ฮาชีมี” คนที่เคยต่อสู้เพื่อสิทธิของ “ราฮาฟ” และกดดันรัฐบาลไทยจนเธอได้สิทธิลี้ภัย จะมีบ้างที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ไทยปล่อยตัว “ฮากีม อัล อาไรบี” กลับออสเตรเลีย!!