ถ่อมตัว “ชัชชาติ” ชี้เป็นนายกฯเรื่องไกลตัว

“ชัชชาติ” ถ่อมตัวเสียงเชียร์เป็นนายกฯ ชี้ยังเป็นเรื่องไกลตัว จี้ทุกพรรคประกาศจุดยืนเลือกข้างฝ่ายประชาธิปไตย ซัดอย่าใช้ประชาธิปไตยบังหน้า

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ว่า วันนี้พรรคจะมีความชัดเจนว่าตนเองจะต้องทำหน้าที่อะไร เพราะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมากจึงต้องมาปรึกษาหารือกับผู้บริหารของพรรค ว่าตนเองจะต้องวางตัวอย่างไร และจะต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งนับตั้งแต่ประกาศ พ.ร.ฎ. ตนเองก็ได้หยุดโพสข้อความทุกอย่างในเฟซบุ๊กที่อาจเข้าข่ายว่าว่าจะขัดต่อกฎหมาย และพรรคก็ได้ให้สมาชิกทุกคนปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกันด้วย ส่วนงานชัดๆของตนคืองานด้านของโครงสร้างพื้นฐาน และเศรษฐกิจ ส่วนเสียงเชียร์ที่ให้เป็นนายกฯยังถือเป็นเรื่องที่ไกลตัว

เมื่อถามว่าเป็นไปได้ไหมที่หลังจากนี้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กับท่านจะแยกกันลงพื้นที่ นายชัชชาติ กล่าวว่า เวลาที่มีจำกัดจะต้องแบ่งทรัพยากร พรรคคงจะแบ่งทรัพยากร บุคลากรเป็นทีมไปยังพื้นที่ต่างๆ บุคคลากรของพรรคต่างมีความรู้ความสามารถทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม

การที่ตนเดินทางมายังพรรคในวันนี้ เพื่อถามความชัดเจน ทางพรรคจะมอบหมายให้ตนทำหน้าที่ส่วนไหนบ้าง อย่างไรก็ดีเมื่อมีการประกาศวันเลือกตั้งออกมาแล้ว เชื่อว่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเริ่มกลับคืนมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตอบรับ ส่งสัญญาณไปในทิศทางบวก นักลงทุนจะกลับมาลงทุน สำหรับนโยบายของพรรค พท.แม้จะชูเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องเป็นหลัก แต่เราไม่ได้เน้นในเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว จะดูไปถึงเรื่องอื่นด้วย เช่น ราคาพืชผลทางการเกษตร การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นต้น

เมื่อถามว่า สิ่งที่เคยพูดกับพี่น้องภาคอีสาน เรียกร้องให้เลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตยให้มาก เพื่อจะได้มาจับมือกันให้ได้ถึง 375เสียง นายชัชชาติ กล่าวว่า ทุกวันนี้มี 2 แบบ คือ คนที่ยืนอยู่ในฝ่ายประชาธิปไตยจริง กับ คนที่อาศัยความเป็นประชาธิปไตยเข้ามา ทั้งที่ในจิตวิญญาณแล้วไม่ใช่ ที่เคยได้พูดถึงเรื่อง 375 เสียงไปนั้น ไม่ได้หมายความว่า เราจะสู้เอาเป็นเอาตายกัน ไม่ใช่ แต่ที่พูดเพราะกังวลว่า ฝ่ายที่ไม่ศรัทธาประชาธิปไตยจะอาศัยความเป็นประชาธิปไตยเข้ามาบังหน้า ฝ่ายที่ยึดมั่นประชาธิปไตยควรร่วมมือกัน และส่วนตัวเห็นด้วย หากพรรคการเมืองแต่ละพรรคจะประกาศออกมาว่า ยืนอยู่ในฝ่ายใด

สำหรับประเด็น 4 รัฐมนตรีที่ไปร่วมงานพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ควรลาออกจากตำแหน่งหรือไม่นั้น คงไม่ขอพูดถึงคนอื่น แต่ในกรณีของตนที่ตัดสินใจมาทำงานการเมือง ได้ลาออกจากการบริหารงานในบริษัทเอกชน เพราะถือว่า คงไม่แฟร์หากจะนำเอาเวลาจากการทำงานภาคเอกชนแล้วแบ่งมาทำงานการเมืองด้วย เรื่อง 4 รัฐมนตรีจะลาออกหรือไม่ ตนไม่ขอก้าวล่วง ขอให้เป็นเรื่องวิจารณญาณแต่ละท่าน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตุคดีความต่างๆของนักการเมืองพรรค พท. และแม้แต่นายชัชชาติเอง ที่มีคดีในชั้น ป.ป.ช. ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกหยิบยกมาในช่วงใกล้การเลือกตั้ง นายชัชชาติ กล่าวว่า เชื่อมั่นในระบบยุติธรรม แต่พรรคไม่ได้พึ่งบุคลากรคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ เราทำงานเป็นทีม อย่างกรณีของตน ที่มีคดีความอยู่ หากโดนจริงๆ ก็ยังมีบุคคลอื่นที่พร้อมเข้ามาทำหน้าที่ต่อได้ ก่อนหน้านี้เคยได้ชี้แจงไปแล้ว ไม่ได้ทำอะไรผิด