ถนนสายสงบทางเข้าหมู่บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลายเป็นดั่งสมรภูมิ
เหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเรียกว่า “การปะทะ” ที่บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี จนมีผู้เสียชีวิต 4 ราย และมีผู้ต้องสงสัยถูกควบคุมตัว 22 คนตามที่มีรายงานผ่านสื่อนั้น หากได้ไปฟังเสียงและสัมผัสในพื้นที่จริงๆ จะพบว่าบรรยากาศเหมือนมีความจริงคนละชุดกัน
ฝ่ายทหารยืนยันข้อมูลเชิงลึกว่าพบการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบรวมตัวกันเพื่อก่อเหตุรุนแรง จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น จนเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือด หลังเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 4 ราย ยึดปืนอาก้าได้ 3 กระบอก ปืนพกขนาด .38 อีก 1 กระบอก และระเบิดขว้าง 1 ลูก
แต่ความจริงอีกชุดหนึ่งของชาวบ้านระบุว่า พื้นที่เกิดเหตุเป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่น ส่วนหนึ่งชอบไปล้อมวงดื่มน้ำใบกระท่อม บุคคลที่เสียชีวิตและถูกควบคุมตัว เป็นแค่วัยรุ่นเสพยาและชาวบ้านทั่วไป จึงไม่เชื่อว่าจะมีอาวุธสงครามในครอบครอง หลายคนเรียกร้องขอให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เป็นกลาง
นายนาแซ ดอคอ ผู้ใหญ่ บ้านหมู่ 6 บ้านโต๊ะชูด กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่บ้าน เพราะไปทำธุระที่ อ.เมืองยะลา แต่เมื่อผู้ช่วยโทรหาและบอกว่าเกิดเหตุที่บ้าน ก็รีบกลับมาทันที ถึงบ้านประมาณ 5 โมงเย็น ก็รีบไปที่จุดเกิดเหตุ แต่ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้
“ตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกตั้งคำถามว่ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงไม่สามารถเข้าจุดเกิดเหตุได้ เราเป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นเจ้าของพื้นที่ ไม่ให้เราเข้าไป เขากำลังทำอะไรกัน”
ผู้ใหญ่บ้านนาแซ เล่าต่อว่า จากนั้นปลัดอาวุโสทุ่งยางแดงได้เดินทางมาถึง ตอนแรกก็เข้าพื้นที่ไม่ได้ แต่ตอนหลังเข้าได้ กระทั่งประมาณ 3 ทุ่มจึงได้เข้าไปยังจุดเกิดเหตุพร้อมกัน ก็เห็นว่าที่ศพมีอาวุธปืน หันไปเห็น นายซัดดัม วานุ (หนึ่งในผู้เสียชีวิต อายุ 24 ปี) ที่ศพมีปืน ก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้ง
“เด็กคนนี้เพิ่งหลุดจากคดียาเสพติดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขามีปืนสงครามเลยหรือ ก็คิดอยู่ในใจคนเดียวว่าไม่ใช่แล้ว เรามั่นใจว่าปืนที่เราเห็นไม่ใช่ของเด็กคนนี้ แต่ของใครก็ไม่รู้มาอยู่ใกล้ศพเขา”
“ผมยืนยันและมั่นใจว่า นายซัดดัม วานุ เป็นแค่เด็กที่มีพฤติกรรมดื่มน้ำใบกระท่อม ไม่มีส่วนเกี่ยวของกับความมั่นคง ขณะที่ นายมะอูเซ็ง เจะอาแว เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ (ถูกควบคุมตัวหลังเหตุการณ์สงบ) ก็มีส่วนเกี่ยวพันแค่ชอบใช้บ้านเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น ที่สำคัญในพื้นที่นี้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้เห็นต่างจากรับเพียง 3 คน เป็นแนวร่วมที่ถูกดำเนินคดีไปแล้ว 2 คน ปัจจุบันยู่ระหว่างประกันตัว อีกคนหนึ่งทหารบอกว่าเขาเป็นแนวร่วม กำลังจะเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน”
ผู้ใหญ่บ่านนาแซ กล่าวอีกว่า หมู่บ้านโต๊ะชูดมีทั้งหมด 300 กว่าหลังคาเรือน เป็นครอบครัวที่นับถือศาสนาพุทธ 30 ครัวเรือน ที่เหลืออีก 288 หลังคาเรือนนับถือศาสนาอิสลาม ผู้บริหารหมู่บ้านมีผู้ช่วยที่เป็นไทยพุทธ 1 คน มีอะไรก็คุยกันตลอด ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ที่ผ่านมาทหารตั้งฐานอยู่ที่บ้านชุมชนไทยพุทธ เมื่อจะเข้ามาลาดตระเวนก็จะแจ้งผู้ใหญ่บ้านตลอด แต่ครั้งนี้จู่ๆ ก็เข้ามา และรู้สึกงงกับข้อมูลที่สื่อนำเสนอว่ามีการปะทะกับคนร้ายที่กำลังวางแผนก่อ เหตุรุนแรง เพราะไม่น่าเป็นไปได้ ที่สำคัญระหว่างที่เข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่กลับไม่ยอมให้ผู้ใหญ่บ้านเข้าไป จึงรู้สึกว่าข้อมูลที่ออกมาเป็นข้อมูลด้านเดียว
ด้านมารดาของนายซัดดัม (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) เล่าว่า ตอนแรกที่ได้ยินเสียงปืนก็รู้สึกเฉยๆ เพราะกลัวจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เห็นเจ้าหน้าที่เยอะขนาดนั้น ในมือมีอาวุธปืนครบ เหมือนเตรียมพร้อมจะมาทำอะไร หลังบ้านได้ยินเสียงปืนเป็นระยะๆ ผสมกับการยิงรัว ก็ยังอยู่ปกติ นึกในใจว่า ซัดดัม (ลูกชาย) อยู่บ้านของกอเซ็ง (นายมะอูเซ็ง เจะอาแว) ลูกจะเป็นอย่างไรบ้างหรือเปล่า ก็ได้แต่นั่งคุยกับตัวเองอยู่คนเดียว
“พอประมาณใกล้เที่ยงคืน ผู้ใหญ่บ้านมาเคาะประตู บอกว่าอย่าตกใจนะ ตอนนั้นพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่ตกใจ พร้อมหันไปพูดกับผู้ใหญ่ว่าจะไม่ตกใจ ผู้ใหญ่บอกว่า ซัดดัมเสียชีวิตในเหตุการณ์เมื่อกี้ด้วย เท่านั้นเองจากที่นั่งอยู่ก็ลมไม่รู้อะไรเลย”
“ต่อมายิ่งมารู้ว่าข้างศพเขามีปืนด้วย ทหารบอกว่าเขาเป็นคนร้าย ก็ยิ่งคุมตัวเองไม่ได้เลย ช็อคมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะซัดดัมเป็นเด็กที่ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้น อยู่บ้านช่วยงานที่บ้านซื้อขี้ยาง ว่างๆ ก็จะไปดื่มน้ำกระท่อม แต่ 2-3 วันมานี้ กอเซ็งชวนซัดดัมไปสร้างบ้านให้เขา แลกกับน้ำกระท่อม แต่ทำไมเขาถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนร้าย ฉันสงสัยว่าปืนมาจากไหน ปืนเป็นของใคร ทำไมต้องเอามาวางที่ศพซัดดัม”
แม่ของซัดดัม กล่าวทั้งน้ำตาว่า “ลูก แค่ผิดที่ติดน้ำกระท่อม ถึงขนาดต้องยิงเขาเลยหรือ สัปดาห์ที่แล้วเขาเพิ่งไปขอเงินประกันจากศาล เพราะก่อนหน้านี้เขาถูกดำเนินคดียาเสพติด เขามีประวัติเรื่องยาเสพติด เราก็รู้และยอมรับมาตลอดว่าลูกเราเป็นแบบนี้ ทุกคนที่นี้ก็รู้ว่าซัดดัมเป็นคนอย่างไร เคยถูกจับคดียาเสพติดมาแล้วหลายครั้ง เชื่อว่าตำรวจก็รู้ว่าซัดดัมเป็นอย่าไงร แต่ทำไมมาว่าซัดดัมเป็นคนร้าย คิดว่าเกินความจริงมาก ร้ายแรงมากสำหรับครอบครัวของเรา”
“ฉันเชื่อว่าที่เขาวิ่งเพราะกลัวจะจับได้ว่าเขามาดื่มน้ำกระท่อมอีก เพราะพี่ชายของเขาได้พูดขู่เขาก่อนที่จะไปถอนประกันออกมาว่าถ้าโดนดำเนินคดี อีกครั้ง จะไม่ไปช่วยอะไรแล้ว จะปล่อยให้อยู่ข้างใน (หมายถึงถูกขังในคุก) แต่ไม่คาดคิดว่าสุดท้ายชีวิตของเขาจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้าย”
แม่ของซัดดัม บอกด้วยว่า ซัดดัมเป็นลูกคนที่ 3 จากทั้งหมด 6 คน ซัดดัมไม่ได้เรียนหนังสือ ที่ผ่านมาจะใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ เพราะไม่ชอบออกไปไหน
ขณะที่กลุ่มผู้หญิงในพื้นที่ เล่าว่า วันเกิดเหตุไม่ได้ออกนอกบ้านเลย จะเปิดประตูดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกทหารสั่งว่าห้ามออก ให้ปิดประตูอยู่แต่ในบ้าน ก็นอนฟังเสียงปืน รัวบ้าง ดัเป็นระยะบ้าง ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่คิดว่าจะมีคนตายเยอะและจับไปเยอะแบบนั้น เพราะบ้านที่เกิดเหตุเป็นร้านขายน้ำกระท่อม
“ตอนแรกคิดว่าเจ้าหน้าที่คงไล่ล่าพวกดื่มกระท่อม ทุกคนในหมู่บ้านก็รู้กันว่า บ้านหลังนั้นเขามีอาชีพอะไร เราไม่อยากมีปัญหากับเขาด้วยก็เลยนอน พยายามไม่คิดอะไร แต่ก็กลัวเสียงปืนมาก ลูกๆ นอนกอดกัน บอกว่ากลัว”
เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน
ด้าน พ.ต.อ.มานะ เดชาวิริษฏ์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.ทุ่งยางแดง กล่าวว่า ไม่ปฏิเสธว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่มั่วสุ่มยาเสพติดเป็นหลัก แต่ข้อมูลเชิงลึกของสายข่าวก็ระบุว่ามีกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาเคลื่อนไหว อยู่ด้วย
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นไปได้ว่าบ้านที่เกิดเหตุมีทั้งวงที่รวมตัวประชุมวางแผนที่จะก่อเหตุ และตั้งวงดื่มน้ำกระท่อมกันอยู่ กลุ่มที่เสียชีวิตทั้งหมด 4 คนยังไม่พบข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงในพื้นที่ มี 2 คนที่พบประวัติเกี่ยวพันกับยาเสพติด และเกี่ยวกับคดีอาญาแต่เป็นเรื่องส่วนตัว” พ.ต.อ.มานะ กล่าว
นายปริญวัตร เกื้อพูน ปลัดอาวุโสทุ่งยางแดง กล่าวว่า ที่ผ่านมาพื้นที่หมู่ 6 บ้านโต๊ะชูดมีความเคลื่อนไหวเรื่องยาเสพติดมาตลอด แต่ก็มีมุมของความมั่นคงอยู่ด้วย ยอมรับว่าตรงจุดเกิดเหตุ ชาวบ้านจะรู้ว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ส่วน นายวีรพงศ์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวระหว่างนำ คณะเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าพบปะชาวบ้านเพื่อทำความเข้าใจว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สำหรับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต้องรอผลพิสูจน์อย่างเป็นทางการ และอยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม…
ดูเหมือนชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิต กำลังเพรียกหาความยุติธรรมกันอยู่!
—-
ที่มา ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา