รัสเซียอาจถูกบังคับให้ติดตั้งขีปนาวุธที่สามารถโจมตีได้ทั้งทวีปยุโรป หากสหรัฐอเมริกาติดตั้งอาวุธดังกล่าวในภูมิภาคนี้ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ “อนาโตลี อันตานอฟ” กล่าวระหว่างการปราศรัยที่ สติมสัน เซ็นเตอร์ (Stimson Centre) ในวอชิงตันดีซี สปุตนิกสื่อรัสเซียรายงาน
“เรามีความกังวลอย่างมากว่า หลังจากการตัดสินใจของสหรัฐอเมริกาที่จะถอนตัวออกจาก INF (สนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง) จะมีการติดตั้งขีปนาวุธดังกล่าวในดินแดนของพันธมิตรยุโรป” อันตานอฟ กล่าวเมื่อวันจันทร์ (4 มี.ค.) และว่า ”เราจะถูกบังคับให้ติดตั้งขีปนาวุธของเรา และทีนี้คุณจะเห็นว่าดินแดนทั้งหมดของประเทศในยุโรปจะตกอยู่ในพิสัยทำการ”
เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐอเมริกายังกล่าวอีกว่า สหรัฐฯ และรัสเซียมีเป้าหมายที่จะร่วมมือกันต่อต้านการก่อการร้าย
หลายต่อหลายครั้งที่เราพยายามโน้มน้าวเพื่อนชาวอเมริกันให้ร่วมมือกัน” อันตานอฟล่าว “ผมแน่ใจว่าเราถึงวาระสำหรับความร่วมมือในเรื่องนี้”
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในเดือนธันวาคมว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น ซัลลิแวน และผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย “โอเล็ก วะลาดิมิโรวิช ซีโรโมโลตอฟ” ตกลงกันในระหว่างการเจรจาในกรุงเวียนนาว่า ผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ และรัสเซียจะพบกันในอนาคต เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้ายว่าเป็นไปได้หรือไม่
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซียมีลักษณะตกสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่สงครามเย็น ความสัมพันธ์ที่ตกต่ำเป็นไปตามข้อกล่าวหาของวอชิงตันที่ระบุว่ามอสโกแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016
รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยกล่าวว่า ข้อกล่าวถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อแก้ตัวความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี รวมทั้งหันเหความสนใจของสาธารณชนจากกรณีการฉ้อโกงการเลือกตั้งและการทุจริตที่เกิดขึ้นจริง
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก เรอับกอฟ และปลัดกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ โธมัส แชนนอน ได้ดำเนินการเจรจาหลายครั้งเกี่ยวกับความมั่นคงเชิงกลยุทธ์ การปรับปรุงความสัมพันธ์ทวิภาคี และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกับลักษณะทางการทูตของรัสเซียในสหรัฐอเมริการะหว่างการประชุมนี้