แพทย์แนะนำวิธีป้องกัน“โรคผิวหนัง”ในหน้าร้อน

ขอบคุณภาพจาก สสส.

กรมการแพทย์เผยวิธีป้องกันโรคผิวหนังที่พบบ่อยในช่วงฤดูร้อน ระบุควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ดื่มน้ำให้พอเพียง

นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูร้อนประชาชนต้องพบเจอกับโรคผิวหนังที่อาจมากับแสงแดด ดังนั้นควรดูแลสุขภาพผิวพรรณ โดยหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและสถานที่ที่มีอากาศร้อนอบอ้าว หากจำเป็นควรป้องกันด้วยการกางร่ม สวมหมวกปีกกว้าง ใส่เสื้อแขนยาวหรืออยู่ในที่มีอากาศเย็น ถ่ายเทได้สะดวก เช่นห้องแอร์ หรือสวนสาธารณะที่ร่มรื่น อาบน้ำชำระร่างกายบ่อยๆ หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำถูตัวทุกครั้งที่รู้สึกร้อน

นอกจากนี้ควรดูแลร่างกายโดยรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดให้พอเพียงอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ทำจิตใจให้สบายไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ทาครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวอย่างสม่ำเสมอ  รวมถึงการใช้ครีมบำรุงผิวหากต้องสัมผัสสารเคมีที่ระคายเคืองควรป้องกัน เช่น ใส่ถุงมือ รองเท้าบู๊ท หลีกเลี่ยงสถานที่มีมลพิษ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ และที่สำคัญหมั่นสังเกตความผิดปกติของผิวหนัง เช่น สีผิวคล้ำ หนา ขรุขระมากขึ้นกดผิวแล้วเจ็บผิดปกติ หรือมีอาการชาที่ผิวให้รีบปรึกษาแพทย์

พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่าโรคผิวหนังที่อาจมากับแสงแดด ได้แก่ โรคผื่น คัน แดง เกิดจากความร้อนกระตุ้นให้ต่อมเหงื่อในร่างกายขับเหงื่อออกมาอย่างรวดเร็ว เกิดการอุดตันบริเวณต่อมเหงื่อทำให้เกิด ผด ผื่น คัน มีผื่นแดงตามผิวหนัง โรคติดเชื้อ เช่น โรคกลาก มักเกิดในช่วงอากาศร้อน หรือใส่เสื้อผ้าอับชื้นเป็นเวลานานทำให้เกิดการติดเชื้อตามร่างกายบริเวณที่อับชื้น เช่น รักแร้ ขาหนีบ โรคมะเร็งผิวหนัง สาเหตุสำคัญเกิดจากการถูกแสงแดดมากโดยเฉพาะผู้ที่มีผิวขาวจะไวต่อการไหม้จากแสงแดดได้ง่าย การได้รับแสงเอกซเรย์ในปริมาณสูงเกิดแผลเป็นเรื้อรังจากรอยไหม้ ได้รับสารหนูหรือสารก่อมะเร็งในปริมาณสูง และผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนัง

พญ.มิ่งขวัญ กล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลตนเองควรหลีกเลี่ยงแสงแดด หมั่นสังเกตความผิดปกติของไฝหรือขี้แมลงวัน หากพบว่ามีผิวหนังที่ผิดปกติให้รีบพบแพทย์ ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน สวมเสื้อผ้าที่มิดชิด สวมหมวกปีกกว้าง หรือกางร่ม โรคแพ้แสงแดด เป็นโรคที่เกิดผื่นผิวหนังอักเสบจากการตากแดด สาเหตุของโรคยังไม่ชัดเจน แต่คาดว่าเกิดจากการกระตุ้นด้วยแสงแดด ทำให้มีผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณที่ถูกแสงแดด เกิดการแพ้รุนแรงและเรื้อรังผู้ป่วยที่มีอาการมากจะเกิดผื่นนูน คันทั้งตัว อาจอักเสบมีน้ำเหลืองไหลและคันมาก โดนแสงแดดไม่ได้จึงไม่สามารถประกอบอาชีพหรือใช้ชีวิตตามปกติที่ต้องโดนแสงแดด