กระทรวงการต่างประเทศซีเรียประณามความคิดเห็นของทรัมป์เกี่ยวกับที่ราบสูงโกลัน ว่า“ขาดความรับผิดชอบ” พร้อมเสริมว่า ประชาชนชาวซีเรียมุ่งมั่นที่จะปลอปล่อยพื้นที่นี้ผ่าน “วิธีการที่มีอยู่ทุกทาง” สปุตนิกรายงานอ้างอิงสำนักข่าวซานาของทางการซีเรีย
โดยก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี (21 มี.ค.62) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตว่า “หลังจาก 52 ปีที่ผ่านมา ถึงเวลาที่สหรัฐฯ จะต้องรับรองอำนาจอธิปไตยของอิสราเอลอย่างบริบูรณ์เหนือที่ราบสูงโกลัน ซึ่งมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และความมั่นคงต่อรัฐอิสราเอล และความมั่นคงในภูมิภาค!”
กระทรวงต่างประเทศซีเรียชี้ให้เห็นว่าประกาศดังกล่าวของทรัมป์ “ยืนยันถึงพันธกิจที่มืดบอดของสหรัฐฯ ต่ออิสราเอล และการสนับสนุนพฤติกรรมก้าวร้าว”
“เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อประชาคมระหว่างประเทศว่า สหรัฐฯและนโยบายที่ไม่ยั้งคิดของพวกเขาซึ่งครอบงำโดยความเย่อหยิ่งและความทะเยอทะยานในระดับสูงถือเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงในเวทีโลกและคุกคามสันติภาพและความมั่นคง” กระทรวงต่างประเทศซีเรียเน้นย้ำ
นอกจากนี้ยังระบุว่า สหรัฐฯ ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและมติของสหประชาชาติอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมติ 497 ซึ่งความตั้งใจของอิสราเอลในการบังคับใช้กฎหมายของตนในที่ราบสูงโกลัน ถือว่าไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย
เช่นเดียวกับอิหร่านที่วิพากษ์วิจารณ์โดยอธิบายคำพูดของทรัมป์ต่อที่ราบสูงโกลันว่า “ ผิดกฎหมาย” และ “ยอมรับไม่ได้”
ด้านมาเรีย ซาคาโรว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า จุดยืนของมอสโกในเรื่องนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และว่า “การเปลี่ยนสถานะของที่ราบสูงโกลัน โดยการข้ามคณะมนตรีความมั่นคงเป็นการละเมิดโดยตรงต่อการตัดสินใจของสหประชาชาติ”
