พรรคประชาชาติแถลงท่าที ยืนยันจุดยืนร่วมรัฐบาลกับฝ่ายประชาธิปไตย ขอพรรคการเมืองเคารพเสียงประชาชนให้พรรคที่ได้ส.ส.มากสุดจัดตั้งรัฐบาล
อังคาร (26 มี.ค.) เวลา 10.30 น. พรรคประชาชาติร่วมแถลงท่าทีและการจับมือร่วมรัฐบาล ภายหลัง กกต.ประกาศผลนับคะแนน 100% อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค กล่าวว่า พรรคประชาชาติจะได้ส.ส.เขต 6 ที่นั่ง และลุ้นส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะได้
นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า “ค่อนข้างไม่ปกติ ทางกกต.ซึ่งไม่ค่อยมีประสบการณ์ มีข้อบกพร่องเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการตามกฎหมายเพื่อทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมนั้นไม่สามารถจะทำได้อย่างที่พวกเราคาดหวังกัน”
นายวันนอร์กล่าวด้วยว่า ข้าราชการหลายระดับรับใช้นักการเมืองบางพรรค ซึ่ง กกต.ต้องหาทางแก้ไขและชี้แจงให้ได้
นายวันนอร์กล่าวถึงความพึงพอใจต่อผลการเลือกตั้งที่ออกมาว่า พอใจในระดับหนึ่ง ที่ประชาชนต้านทานกระแสซื้อเสียงขายเสียงและอำนาจของรัฐที่ไปกดดัน “เราก็ฝ่ามรสุมคลื่นนี้มาได้ 7 เสียง แต่หากถามว่าเราควรจะทำได้มากกว่านี้หรือไม่ ผมคิดว่าถ้าเป็นการเลือกตั้งปกติ เราควรจะได้มากกว่านี้”
นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวถึงการทาบทามพรรคประชาชาติจัดตั้งรัฐบาลว่า ตนมอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี เลขาธฺการพรรค ไปพูดคุยบ้างแล้ว แต่ไม่เป็นทางการ เพราะคะแนนการเลือกตั้งที่ชัดเจนควรจะรู้ในสัปดาห์นี้ เมื่อรู้คะแนนแล้วทุกพรรคคงหารือกันได้ชัดเจน เพราะจะเริ่มเข้าสู่การจัดตั้งรัฐบาลแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายวันนอร์กล่าววว่า จุดยืนของพรรคประชาชาตินั้นวางแนวทางไว้ว่าจะยืนเคียงข้างประชาธิปไตย เคียงข้างประชาชน และคงไม่สามารถเข้าไปเชื่อมโยงการสืบทอดอำนาจของเผด็จการได้
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารพรรคได้มีมติและแนวทางชัดเจนว่า พรรคประชาชาตินั้นเราจะยืนเคียงข้างประชาธิปไตย และเคียงข้างกับความต้องการของพี่น้องประชาชนของประเทศนี้ เราไม่สามารถที่จะไปเชื่อมโยงการกับสืบทอดอำนาจจากเผด็จการได้” หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าว
พรรคได้ส.ส.มากสุด ชอบธรรมตั้งรัฐบาล
นายวันนอร์คาดการณ์ว่าสัปดาห์หน้ากระบวนการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลคงจะเห็นภาพชัดเจน แต่ปัจจัยที่ไม่ปรกติจากส.ว. 250 เสียงที่จะเข้ามาเป็นเงื่อนไขทำให้ 500 เสียงของสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถจะไปคอนโทรลในการเลือกนายกรัฐมนตรีได้
“แต่อย่างไรก็ตาม การบริหารประเทศต่อไปหลังจากได้นายกรัฐมนตรีแล้ว ก็เป็นการบริหารโดยสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่า ไปเลือกนายกรัฐมนตรีโดยอาศัยเสียงของส.ว. รวมกับเสียงข้างน้อยของสภาผู้แทนราษฎร แน่นอนก็จะได้รัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพ ซึ่งไม่ควรเป็นเช่นนั้น” นายวันนอร์กล่าว
สำหรับความชอบธรรมในการจัดรัฐบาล ระหว่างพรรคที่ได้จำนวน ส.ส.มากที่สุด กับ พรรคที่ได้คะแนนรวมมากที่สุด หรือที่เรียกว่า “ป๊อปปูลาร์โหวต” นั้น นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เสียงที่จะสนับสนุนบุคคลให้เป็นนายกฯ คือ ส.ส. ดังนั้น จำนวน ส.ส.ที่ได้มากจึงชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล
“ความจริงกระบวนการมันก็ง่ายๆ เพราะว่าการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ใช้เสียงส.ส.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีการเลือกจากประชาชนโดยตรง โดยการโหวตจากประชาชน เพราะฉะนั้นเสียงที่จะสนับสนุนรัฐบาลหรือเลือกนายกฯ คือเสียงของสภาผู้แทนราษฎร มันเป็นการเลือกตั้ง เรียกว่าการเลือกนายกทางอ้อม เพราะฉะนั้น จำนวนส.ส.ที่มากกว่า ถึงจะชอบธรรมที่จะจัดตั้งรัฐบาล ตามหลักประชาธิปไตยทั่วไป”
“แต่ถ้าเป็นการเลือกตั้งนายกโดยตรง ก็ใช้ป๊อบปูล่าโหวต แบบเลือกประธานาธิบดี แบบนั้นก็ไม่ต้องมาใช้เสียงสภา เพราะประชาชนเลือกโดยใช้เสียงข้างมากอยู่แล้ว แต่นี่เราใช้ตัวแทนของประชาชนคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากในการบริหารประเทศ นี่คือธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติของประชาธิปไตย และถ้าเอาตามกฎหมายรัธรรมนูญฉบับนี้ความจริงก็ใช้ส.ส.เช่นกัน แต่ตัวแปรคือส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” นายวันนอร์กล่าว
ชมคลิป
ขอบคุณคลิปจาก Thapanee Eadsrichai