วันนี้ (พุธ 27 มี.ค.) เวลา 16.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค แถลงถึงความคืบหน้าในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลว่า พรรคอยู่ในช่วงดำเนินการหารือกับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่จะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล โดยมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าการดำเนินการต้องมีความชัดเจนเรื่องของคะแนนก่อน แต่วันนี้คะแนนเสียงจาก กกต.ยังไม่ได้ออกมาอย่างเป็นทางการ ดังนั้น พรรค พปชร.จะดำเนินการหารือกับพรรคอื่นต่อไป
“ขณะนี้ยังไม่มีใครที่จะสามารถรวมเสียงได้อย่างเป็นทางการทั้งนั้น เพราะกระบวนการยังไม่เสร็จ ก็พูดไปได้ว่าเสียงเท่าไหร่ แสดงเจตจำนงค์ เจตนารมณ์ที่จะร่วมกันที่จะจัดตั้งรัฐบาล อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำได้นะ” นายอุตตม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องการรวมเสียงได้ก่อนของพรรคการเมืองอีกฝ่าย
ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. ก็กล่าวในเรื่องนี้ด้วยว่า “วันนี้ ที่พูดกันว่ารวมเสียงได้นั้น ก็ยังไม่รู้ว่าเสียงที่ชัดเจนนั้นจะอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะขณะนี้กกต.เองก็ยังไม่ได้มีการแถลงการณ์ที่ชัดเจน…ตัวเลขเปลี่ยนทุกวัน”
สำหรับการรวมกันแล้วอ้างความชอบธรรมนั้น นายสนธิรัตน์กล่าวว่า “เป็นเพียงกลไกทางการเมืองเพื่อแสดงความชอบธรรม แต่ในข้อเท็จจริง ความชอบธรรมที่แสดงนั้นยังไม่มีที่มาของข้อมูลที่ถูกยืนยัน”
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า การดำเนินการเช่นนี้เป็นการดำเนินการเพื่อจะช่วงชิง พยายามที่จะสร้างว่าพรรคของพวกเขาเป็นพรรคที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ ทั้งที่ประกาศวันนี้ถ้าดูในการแถลงจริงๆ แล้ว ยังไม่รู้ว่ามีกี่พรรคแน่นอน เป็นเพียงการฉกฉวยบนสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะทำให้รู้สึกว่ามีความชอบธรรม
“ผมเรียนอย่างนี้นะครับ กระบวนการยังไม่เสร็จสิ้นเลย คะแนนที่แท้จริงและชัดเจนยังไม่ออกมาเลย และระยะเวลาที่เราต้องดำเนินการนั้น ยังมีระยะเวลาที่มากพอสมควร ประกอบกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้นั้นมีการคิดคะแนนรวมทั้งประเทศ คิดปาร์ตี้ลิสต์ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับอดีตในการจัดตั้งรัฐบาล พลังประชารัฐให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ เราดำเนินการทางการเมืองที่เหมาะสม ดำเนินการทางการเมืองที่เป็นไปตามความเป็นจริง แล้วพรรคก็ยังมั่นใจว่าพรรคจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่ไม่ใช่เวลาที่จะออกมาแล้วอ้างประกาศชัยชนะในเวลานี้ ทั้งที่สถานการณ์ยังไม่มีอะไรที่เป็นข้อยุติ”
นายสนธิรัตน์ยังเรียกร้องให้หยุกการอ้างวาทกรรมประชาธิปไตย เพราะเถือว่าทุกพรรคที่ลงแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันทั้งหมด
“หยุดได้แล้วครับ กับการการอ้างฝ่ายประชาธิปไตย เพราะว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้คะแนนเสียง จะเป็นเท่าไหร่ก็ตาม ทุกคนเข้าสู่การเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย” นายสนธิรัตน์กล่าว
“ถ้าไม่ใช่ประชาธิปไตยพวกเขาต้องไม่ลงแข่งขันด้วยซิครับตั้งแต่วันแรก ถ้าอ้างว่าเป็นเผด็จการ สืบทอดอำนาจ พรรคเหล่านั้นก็ไม่ต้องมาลงเข้าสู่เลือกตั้ง พรรคเหล่านั้นที่กระเหี้ยนกระหือที่จะเอาชนะการเลือกตั้งไม่ใช่เหรอครับ แต่พอผลการเลือกตั้งออกมา และระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งก็ใช้วาทกรรม ฝ่ายประชาธิปไตย”
นายสนธิรัตน์ตั้งคำถามว่า “มีพี่น้องประชาชนที่เลือกพรรคพลัประชารัฐ 7.9 ล้านเสียง และถือว่ามีเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศมากที่สุด แปลว่าคนเหล่านั้น (พรรคฝ่ายตรงข้าม) ไม่ต้องเคารพเสียงประชาชนเลยหรือครับ”
“จะเป็นเฉพาะเสียงที่พวกเขาได้ประโยชน์เท่านั้นหรือ ถึงจะเป็นประชาธิปไตย แล้วน้องประชาชน 7.9 ล้านเสียง ที่เลือกพรรคพลีงประชารัฐ พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ฝั่งประชาธิปไตยหรือครับ”
“ประชาธิปไตยที่แท้คือการเคารพเสียงของทุกคน เคารพพี่น้องประชาชน เคารพแม้กระทั่งเสียงหนึ่งเสียง นั่นเป็นพื้นฐานของประชาธิปไตยใช่หรือไม่” นายสนธิรัตน์กล่าว
เขายังตั้งคำถามต่อพรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยว่า “แล้วใช้สิทธิอะไรมาเรียกตัวเองว่าฝั่งประชาธิปไตย แล้วเรียกคนที่ไม่ลงคะแนนให้ตัวเองว่าไม่ใช่ฝั่งประชาธิปไตย ผมถือว่าเป็นการดูถูกพี่น้องประชาชน และเป็นการอ้างประชาธิปไตย เพื่อสร้างความแตกแยกในบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง ประชาธิปไตยแบบนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน แต่เป็นประชาธิปไตยเพื่อพวกพ้องเท่านั้น”
“วิงวอนขอให้หยุดเถอะครับ สิ่งที่พวกท่านทำนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย” นายสนธิรัตน์กล่าว
เลขาธิการพรรค พปชร. อธิบายว่า “พรรคพลังประชารัฐดำเนินตามครรลองของประชาธิปไตย เพียงแต่เราเห็นว่า บุคคลที่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ คือท่านพลเอกประยุทธิ์ จันทร์โอชา และเราเรียนเชิญท่านมาในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี”
“พรรคพลังประชารัฐยืนหยัดด้วยจุดยืนของพรรคว่า พรรคนี้คือพรรคประชาธิปไตย และเราเป็นพรรคประชาธิปไตยที่คิดถึงพี่น้องประชาชน พยายามอย่างยิ่งที่จะให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สร้างวาทกรรมแบ่งแยกให้เกิดความรู้สึกเป็นคนฝั่งคนละฝ่าย ตอกย้ำความแตกแยกของประเทศอย่างที่เป็นมา” นายสนธิรัตน์กล่าว
สำหรับการพูดคุยทาบทามพรรคการเมืองต่างๆ มาจับขั้วนั้น นายอุตตมกล่าวว่า ได้พูดคุยกับหลายพรรค แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นพรรคใดบ้าง โดยระบุว่ามีความมั่นใจว่าจะรวมเสียงจนจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนจะได้เสียงเท่าไรต้องรอดู โดยจะพยายามรวบรวมเสียงให้ได้มากที่สุด และไม่ตั้งเป้าว่าเราจะต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากหรือข้างน้อย เพราะต้องฟังจากพรรคการเมืองอื่นที่มาร่วมหารือกัน รวมทั้งยืนยันว่ายังไม่มีการเจรจาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี เพราะตอนนี้ยังเป็นการพูดคุยกันเบื้องต้นที่ไม่มีอะไรตายตัว
ชมคลิปแถลงข่าวพรรคพลังประชารัฐ :