สมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้แถลงไล่ “รองแม่ทัพภาคที่ 4” พ้นจชต. ประกาศฟ้อง “ช่อง 7”

ภาพจากเฟสบุ้ก Shukur Dina

สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ และตัวแทนผู้บริหารโรงเรียนปอเนาะจาก 6 จังหวัด กว่า 50 คน แถลงไล่ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รองแม่ทัพภาคที่ 4 ออกนอกพื้นที่จชต. ระบุใช้อำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิโรงเรียนปอนาะ พร้อมทั้งประกาศฟ้องช่อง 7 ในข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์

จันทร์ 8 เม.ย. 62 ที่ โรงเรียนบุสตานุดดีน อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้นำโดยนายขดดะรี บินเซ็นต์ และตัวแทนผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม จากจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และพัทลุง กว่า 50 คนร่วมแถลงการณ์ไล่ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รองแม่ทัพภาคที่ 4 ออกนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยระบุว่าใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม  เพื่อจะไม่เป็นปัจจัยเอื้อทำให้ปัญหาไฟใต้ลุกลามต่อไปและกระทบกระบวนการพูดคุยสันติภาพ

นอกจากนั้นยังได้ประกาศฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งและอาญาต่อช่อง 7 และบุคคลต่างๆ ที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์

รายละเอียดในแถลงการณ์ครั้งนี้ระบุว่า

เมื่อ วันที่ 2 เม.ย. 2562 ทางช่อง7 สีได้รายงานข่าวกล่าวหาว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุจริตเงินอุดหนุนที่รัฐสนับสนุนปีละหลายพันล้านบาท แต่ที่ผ่านมาเม็ดเงินดังกล่าวถูกใช้ไปในทางที่ผิด และบางส่วนถูกใช้สนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ เป็นสถานที่บ่มเพาะแนวคิดแบ่งแยกดินแดน เป็นสถานที่คัดเลือกบุคคลเข้าร่วมขบวนการ เป็นสถานที่ฝึกร่างกายก่อนส่งไปฝึก RKK และเป็นสถานที่รวบรวมเงินบริจาคจากสมาชิกขบวนการในพื้นที่ และที่ร้ายที่สุดกล่าวหาจัดการศึกษาไม่ได้คุณภาพ

ในการนี้ทางสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ ขอออกแถลงการณ์ดังนี้

1.ขอให้สื่อมวลชน มีจรรญาบรรณในการนำเสนอข่าวพร้อมทั้งนำเสนอข่าวอย่างรอบด้านเพราะมันเป็นมิติความมั่นคงและจะกระทบต่อกระบวนการสันติภาพ จชต.

2.ฟ้องร้องดำเนินคดีทางเเพ่งและอาญาต่อช่อง7 และบุคคลต่างๆที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์

3. ขอให้หน่วยงานรับผิดชอบให้เข้าตรวจสอบอย่างเป็นธรรมทุกสังกัด ไม่เฉพาะเจาะจงเฉพาะโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ภายใต้กฎหมายไทย และต้องเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้นคำสั่งใดที่ไม่เป็นธรรมขอให้ยกเลิกและสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อสั่งคุ้มครองชั่วคราว

4.ดำเนินคดีและสั่งย้ายต่อผู้บริหารระดับสูงของหน่วยความมั่นคงที่ใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม(ซ้ำซาก)เพื่อจะไม่เป็นปัจจัยเอื้อทำให้ปัญหาไฟใต้ลุกลามต่อไป สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ยินดีร่วมมือกับทุกภาคส่วนในแก้ปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านมิติการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

5. พิจารณาใหม่เรื่องกฎระเบียบของรัฐเกี่ยวเงินอุดหนุนรายหัวที่เหมาะสมกับโรงเรียนเอกชนสอนสอนศาสนาอิสลามซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนสามัญ พร้อมทั้งหลักเกณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับเงินเสี่ยงภัยที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของจำนวนบุคคลากรเพราะว่า ความเป็นจริงในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามมีการเรียนการสอน 2 หลักสูตร คือ สามัญศึกษาจากปฐมวัยถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และอิสลามศึกษา (หลักสูตรศาสนา) เด็กแต่ละคนเรียนสองหลักสูตร ดังนั้น กระบวนการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนจะต้องจ้างบุคลากรทั้งศาสนา สามัญ จึงทวีคูณ 2 เท่าส่งผลให้การบริหารงานโรงเรียนแต่ละโรงจะต้องจ่ายเกือบสองเท่าของโรงเรียนเอกชนปกติที่คิดการอุดหนุนรายหัวเท่ากัน

6.จัดตั้งสภาการศึกษาชายแดนภาคใต้ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมกับการจัดการศึกษาแทนที่ที่หรือคู่ขนานกับกระทรวงศึกษาส่วนหน้า

แถลงมา ณ วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๒
สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้

ขอบคุณคลิปแถลงการณ์ ศูนย์ข่าวภาคใต้ ททบ.5 จ.สงขลา