ลุ้น กันอีกเฮือก กับอีกหนึ่งความหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกำลังซื้อในประเทศ ที่หดหายไปจากสารพัดปัจจัย ทั้งในและนอกประเทศ จนกลายเป็น “จุดบอด” สำคัญ ที่หลายฝ่ายเอามาใช้ในการโจมตีรัฐบาล
ร่า งกฏหมายกู้เงิน 2.2. ล้านล้านบาท ที่มักถูกสร้างสร้างความเข้าใจผิดเสมอๆ ว่าเป็นการ “กู้มาโกง” โดยใช้มาตรฐานเดียวกับรัฐบาลก่อนๆ มาตัดสิน ซึ่งได้รับการรันตีจาก “เสี่ยโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีที่ฟังชัดๆ กันอีกครั้ง ว่าไม่ใช่การกู้เงินมาเป็นก้อนแล้วใช้
แต่ใช้วิธีทยอยกู้แล้วใช้เม็ดเงินตามความจำเป็นในแต่ละปี !!!
และ ที่ต้องลุ้นกัน เพราะนับจากวันที่ปั่นต้นฉบับอยู่นี่ นับไปจนเกือบสิ้นสัปดาห์นี้ กฏหมายฉบับนี้กำลังถูกพิจารณาในสภาฯ ที่ใครก็รู้ว่า “ฝ่ายค้านขาประจำ” คอยชำแหละ เตะถ่วง ดึงเกม ลากยาวกันไปถึงในสนามองค์กรอิสระอย่าง “การนำเรื่องสู่ศาลรัฐธรรมนูญ” เพื่อให้ กฎหมายฉบับนี้มีอันเป็นไป
แต่ หากนับจากความสำคัญบนข้อเท็จจริงของเศรษฐกิจเวลานี้ ที่อยู่ในภาวะชะลอตัว และต้องการเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ คล้ายๆ กับที่ฟังการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการอัดฉีดสภาพ คล่องเข้าสู่ระบบ ประเทศไทย มีสภาพคล้ายคลึงกัน
คล้ายคลึง กันที่ว่า คือเมื่อมีเม็ดเงินไหลเวียนเข้ามา จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมา เพราะทั้ง พ่อค้าวานิช ธุรกิจ ขายเร่ ลากยาวไปจนถึง ผู้ใช้แรงงาน ล้วนแล้วแต่ได้รับอานิสงส์ จากการกู้เงินครั้งนี้ของรัฐบาลทั้งสิ้น
ว่ากันง่ายๆ ได้ว่า เศรษฐกิจไทย ที่มีสัญญาณดิ่งหัวลง มีความหวังเชิดหัวขึ้นแบบสง่างามจากกฏหมายฉบับนิ้
นอกจาก นี้ ยังมีผลจากเมกกะโปรเจ็กต์ ด้านอิฟราทรัคเจอร์ หรือสาธารณูปโภคพื้นฐาน ระบบคมนาคม อาทิ รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ถนนหนทาง อีกหลากหลายจิปาถะ ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญในการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศทั้งสิ้น
และ เป็นความหวังให้คนไทย ได้ลืมตาอ้าปากกันถ้วนหน้าจากเม็ดเงินที่จะทยอยเข้าสู่ระบบในแต่ละปี หนุนนำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปอีกหลายต่อหลายปีในอนาคต
จะ เรียกได้ว่าบุญมีแต่กรรมมาบดบังหรือเปล่าไม่รู้ กฎหมายฉบับนี้ รัฐบาลนำผ่านสภาลากด้วยเสียงข้างมาก ก็ผ่านไปได้ฉลุย แม้จะติดกับ “เสียงข้างน้อยจอมเกเรไปบ้าง” ไม่ใช่เรื่องใหญ่นักดอก
แต่ด่านอรหันต์สุดท้าย อย่าง ศาลรัฐธรรมนูญ นี่สิ ที่น่าห่วง!!
และ สุดท้ายคงจะหวังได้แต่เพียงว่า ทุกฝ่ายจะเห็นแก่ประเทศและประชาชนอย่างแท้จริง เพราะไม่ใช่เพียงแต่ความเจริญข้างหน้าในอนาคตของประเทศจะอยู่กับกฎหมายฉบับ นี้ แต่กฎหมายและเม็ดเงินก้อนนี้ยังมีผลต่อปากท้องของประชาชนโดยตรง
เพื่อให้ไทยได้เดินหน้าอย่างทุกฝ่ายวาดหวังก็ได้แต่ภาวนาให้กฎหมายเงินกู้2.2.ล้านล้านบาท ไม่ติดหล่ม มีอุบัติเหตุไปซะก่อน
เพราะนั่นหมายถึงเศรษฐกิจไทย และอนาคตของประเทศไทยก็จะติดล่มและประสบอุบัติเหตุตามไปด้วย ….
ผู้ช่วยบรรณาธิการ สำนักข่าวเดอะพับลิก, นสพ.เดอะพับลิกโพสต์