อาร์ที/เพรสทีวี – นอกจากใช้ “อาวุธต้องห้าม” สหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะ “กำจัด” อิหร่าน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน “โมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ” กล่าวตอบโต้คำขู่ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์
การขู่อย่างโจ๋งครึ่มว่าจะเปิดสงครามนิวเคลียร์กับประเทศอื่นไม่เพียงแต่ผิดภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น แต่พิสูจน์ให้เห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้คิดไตร่ตรองก่อนที่จะพูดอะไรออกมา รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านอธิบาย
“มีกฎบัตรสหประชาชาติอยู่ ว่าการคุกคามจะก่อสงครามเป็นสิ่งผิดกฎหมาย” จาวาด ซารีฟ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น อ้างถึง มาตรา 2.4 ของกฎบัตรสหประชาชาติ หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์พูดอย่างดุดันว่าจะ “กำจัด” อิหร่าน หากสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้เป็นอันตรายต่อ “ชาวอเมริกัน”
….Iran’s very ignorant and insulting statement, put out today, only shows that they do not understand reality. Any attack by Iran on anything American will be met with great and overwhelming force. In some areas, overwhelming will mean obliteration. No more John Kerry & Obama!
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) June 25, 2019
“ คำแถลงดังกล่าวบ่งชี้ว่าความตั้งใจของสหรัฐนั้นผิดกฎหมายอย่างแน่นอน” ซารีฟกล่าวและว่า “สหรัฐฯ ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะกำจัดอิหร่าน พวกเขาไม่มีความสามารถอื่นนอกจากใช้อาวุธต้องห้ามในการทำเช่นนี้”
ซารีฟไม่ได้อธิบายอย่างละเอียดว่า “อาวุธต้องห้าม” ในคำพูดของเขาหมายถึงอะไร แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาชี้ให้เห็นว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวที่เคยใช้นิวเคลียร์ และระบุว่าอิหร่านพร้อมที่จะปกป้องตัวเองจากการรุกรานของสหรัฐในทุกสถานการณ์
ทั้งสองประเทศยืนอยู่บนขอบเหวของสงครามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากอิหร่านยิงโดรนสอดแนมของอเมริกันเหนือน่านน้ำของตน
สหรัฐฯ ต้องการที่จะตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศกับอิหร่าน แต่ภารกิจดังกล่าวถูกยกเลิกในนาทีสุดท้ายโดยทรัมป์ซึ่งอ้างว่า เขาสั่งยุติหลังจากได้รับข้อมูลว่าจะมีคนตายมากถึง 150 คนหากการโจมตีเกิดขึ้น
ในขณะที่ทั้งสองประเทศเน้นว่า พวกเขามีจุดมุ่งหมายที่จะหลีกเลี่ยงสงคราม อิหร่านยังคงมองการกระทำทั้งวาทศาสตร์ การทหาร และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต่ออิหร่านว่าอยู่ในฐานะ “การเผชิญหน้า” และ “การยั่วยุ”
ซารีฟเตือนผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสหรัฐอเมริกาว่า “ว่าเราไม่ได้อยู่ในศตวรรษที่ 18” เขายังแนะนำให้ทรัมป์จ้างที่ปรึกษาคนใหม่ ที่สามารถเข้าใจสถานะอิหร่านอย่างครบถ้วน และสามารถเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤติได้ โดยบอกว่าทรัมป์ได้รับ “ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และการวิเคราะห์ที่ผิดเพี้ยน“