ชัดแล้ว ”บิลลี่” ถูกฆ่าเผายัดถัง ทิ้งเขื่อนแก่งกระจาน ผลตรวจ “ดีเอ็นเอ” ตรงกับแม่

ชัดแล้ว “บิลลี่” หนุ่มกะเหรี่ยงที่หายตัวลึกลับ เมื่อ 5 ปีที่ แล้ว ถูกฆ่าเผายัดถัง ทิ้งในเขื่อนแก่งกระจาน พบชิ้นส่วนกระโหลก ผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันชัดเจนตรงกับมารดา

ในการแถลงข่าวความคืบหน้าการสอบสวนคดีหายตัวของนายพอลละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. เวลา 13.00 น. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า บิลลี่ได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.2557 โดยดีเอสไอได้รับคดีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษ ตามมติคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)ในการประชุมครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 ให้ และโอนสำนวนคดีจากกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7

แต่เนื่องจากคดีมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ดีเอสไอจึงต้องส่งสำนวนไปให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวน จากนั้นในเดือนธันวาคม 2561 ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนกลับมาให้ดีเอสไอสอบสวน โดยแยกการสอบสวนออกเป็น 2 สำนวน คดีแรกเป็นคดีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ส่งตัวบิลลี่ให้ตำรวจดำเนินคดีข้อหาลักลอบเก็บของป่า และคดีการหายตัวไปของบิลลี่

และจากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องดีเอสไอได้รับเบาะแสจากพยานบุคคล จึงประสานผู้เชี่ยวชาญจาก ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ให้นำหุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำมาตรวจสอบพื้นที่ที่พยานบุคคลระบุพิกัด ซึ่งผลการตรวจสอบดีเอ็นเอจากชิ้นส่วนกะโหลกศรีษะที่พบ ตรงกับดีเอ็นเอของแม่บิลลี่ สำหรับแม่และภรรยาของบิลลี่ดีเอสไอได้นำตัวเข้าสู่โครงการคุ้มครองพยานแล้ว และเปลี่ยนจากคดีการหายตัวไปเป็นคดีฆาตกรรม ซ่อนเร้นอำพรางศพ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าว

การสอบสวนคดีนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมแต่งตั้งอัยการ และผู้เชี่ยวชาญจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ

ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจพิสูจน์เริ่มต้นขึ้น จากเวลาที่พยานบุคคลอ้างว่าพบบิลลี่ที่บ้านหนองมะเรว จากนั้นก็ไม่มีใครพบตัวบิลลี่อีกเลย ดีเอสไอใช้เวลานานมากในการตรวจพยานหลักฐานจนทราบจุดพิกัดที่เชื่อว่า คนร้ายน่าจะนำสิ่งของหรือวัตถุต้องสงสัยไปทิ้ง เพราะบิลลี่หายตัวไปพร้อมรถจักรยานยนต์

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2562 และวันที่ 22 – 24 พ.ค. 2562 ดีเอสไอได้ร่วมกับม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ใช้โดรนสำรวจทางอากาศ ร่วมกับหุ่นยนต์ใต้น้ำ หรือยานยนต์สำรวจใต้น้ำ สแกนด้วยคลื่นโซนาร์ เพื่อตรวจค้นวัตถุพยานใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน นาน 6 ชม. พบวัตถุต้องสงสัย 3-4 จุด จึงนำนักประดาน้ำ จากตชด.มาดำค้นหา พบถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร จำนวน 1 ถัง มีการเจาะรู มีลักษณะผุดำ ไหม้เป็นบางส่วน และยังพบเหล็กเส้น จำนวน 2 เส้น ถ่านไม้ จำนวน 4 ชิ้น เศษฝาถังน้ำมัน ในถังน้ำมันมีชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น บริเวณใกล้ถังน้ำมันยังพบเศษกระดูกคล้ายกระดูกมนุษย์

“จึงได้รวบรวมส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจพิสูจน์พบว่าวัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อนหรือถูกเผาด้วยความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200 – 300 องศาเซลเซียส ตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ แม่ของบิลลี่ เป็น ไมโตรคอนเดีย ดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกเท่านั้น จึงยืนยันได้ว่ากะโหลกศีรษะที่พบเป็นของบิลลี่ และบิลลี่เสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรมแล้ว” พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าว

ส่วนกรณีอาจมีข้อโต้แย้งว่ากะโหลกดังกล่าวอาจไม่ใช่ของบิลลี่แต่ของญาติพี่น้องคนอื่นนั้น พ.ต.ท. เสฏฐ์สถิตย์ รองผอ.กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กล่าวว่า ดีเอสไอกังวลถึงข้อโต้แย้งดังกล่าวมาตลอด จึงได้รวบรวมหลักฐานให้ชัดเจนที่สุด โดยยืนยันได้ว่าพี่น้องร่วมสายโลหิตของบิลลี่ ยังมีชีวิตอยู่ครบทุกคน จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครเสียชีวิต มีเพียงบิลลี่เท่านั้นที่หายตัวไป